อะไรก็กู

by ThaiQuote, 11 เมษายน 2560

ถ้าไม่เกรงกลัวจะโดนเล่นงานฐานหมิ่นประมาทเจ้าหน้าที่รัฐ เชื่อว่าบรรดาพี่น้องชาวกระบะและรถตู้โดยสารสาธารณะคงพร้อมใจกันกู่ก้องร้องตะโกน “อะไรๆก็กู...ไม่เห็นพวกมึงต้องรับผิดชอบอะไรมั่งเลย?”

ระหว่างถ้อยคำร้องตะโกน มีความหมายสะท้อนความอึดอัดคับแค้นใจของทั้งชาวรถกระบะ และชาวรถตู้โดยสารสาธารณะซ่อนอยู่...

รถกระบะ ที่เคยถูกใช้เป็นรถอเนกประสงค์ ทั้งบรรทุกคน-บรรทุกของต่อเนื่องกันมายาวนานนับเป็นสิบๆปี...วันดีคืนดีเกิดมีความหวังดี เพื่อความปลอดภัยแก่ชีวิต ก็เลยออกคำสั่งห้ามคนนั่งท้ายรถกระบะซะงั้น แถมให้มีผลบังคับแบบสายฟ้าแลบอีกต่างหาก

พอถูกตีโพยตีพายโวยวายขึ้นมา ก็แค่”ทุเลา”ความเข้มข้นของการบังคับใช้คำสั่ง แต่ยังคงสถานะของคำสั่งเอาไว้”หลอน”ชาวบ้านอยู่ต่อไป

ทำนองเดียวกันรถตู้โดยสารสาธารณะ ที่เคยปล่อยให้บริการรับส่งผู้โดยสารกันตามสะดวกมานานหลายปีดีดัก...วันดีคืนดีก็เกิดมีความหวังดีประดังประเดขึ้นแบบปัจจุบันทันด่วน ออกคำสั่งจัดระเบียบรถตู้โดยสารสาธารณะกันอุตลุด ทั้งต้องติดจีพีเอส สำทับด้วยการสั่งลดจำนวนที่นั่งจาก 15 ที่นั่ง เหลือ 13 ที่นั่ง

ความกระตือรือร้นที่ล้นทะลักขึ้นแบบเฉียบพลัน และสั่งให้มีผลในทางปฏิบัติแบบเฉียบพลัน กระตุ้นให้เกิดข้อสงสัยปะทุขึ้นฉับพลันเหมือนกัน

ชาวรถกระบะ พากันพึมพำงึมงำทำนองว่าทีคนขายรถที่ปาวๆบรรยายสรรพคุณความดีรถกระบะสารพัด...นั่งโดยสารก็ได้....บรรทุกของก็อึดบึกบึน...แรงดีไม่มีตกในทุกสภาพการเดินทาง ไม่เห็นมีใครคิดจะไปทำอะไร? หรือแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่รับจดทะเบียนกรมการขนส่งทางบก ก็ไม่เห็นต้องรับผิดชอบอะไร?...”อะไรๆก็กู...”

ชาวรถตู้โดยสารสาธารณะ ก็ทำนองเดียวกัน ได้แต่หวานอมขมกลืน ถูกสั่งให้ติดจีพีเอส เพื่อความปลอดภัย...เอ้า! ก็ติด ไม่งั้นพระเดชพระคุณทูนหัวขู่จะไม่ให้วิ่ง...อยู่ๆมาถูกสั่งให้ลดจำนวนที่นั่งจาก 15 ที่นั่ง เหลือ 13 ที่นั่งแบบรวดเร็วซะยิ่งกว่ากามนิต...เอ้า!ต้องรีบจัดให้ตามสั่ง

ทั้งๆที่ในหัวจิตหัวใจมีข้อสงสัยสุมอยู่เต็มอก....”ใครวะ?ที่มันรับจดทะเบียนรถตู้โดยสาร 15 ที่นั่ง..กูเหรอ?ไม่ใช่แน่นอน แต่ไม่เห็นไอ้คนที่มันปล่อยให้จดทะเบียนรถตู้โดยสาร 15 ที่นั่งต้องรับผิดชอบอะไรซักกะอย่าง”

เมื่อชาวรถตู้โดยสารสาธารณะต้องทำตามสั่ง ทั้งติดจีพีเอส...ทั้งลดจำนวนที่นั่ง ซึ่งเป็นภาระทั้งค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น และโอกาสการรับผู้โดยสารที่ลดลง แต่ผู้มีอำนาจกลับทำไขสือกับการอนุญาตให้ขยับอัตราค่าโดยสารเพิ่มขึ้น ด้วยเหตุผลว่าอัตราค่าโดยสาร คำนวณจากฐานต้นทุนค่าเชื้อเพลิงเทียบกับระยะทาง ไม่เกี่ยวกับจำนวนผู้โดยสาร

เพื่อเห็นแก่หัวอกชาวรถกระบะ และชาวรถตู้โดยสารสาธารณะ จำเป็นอย่างยิ่งที่กรมการขนส่งทางบก ในฐานะหน่วยงานหลักเรื่องนี้ ต้องเร่งจัดระเบียบกรณีนี้ให้เป็นโล้เป็นพายโดยเร็ว โดยพิจารณาปันส่วนรายได้จากการประมูลป้ายสวย ไปช่วยเหลือค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นแก่พี่น้องรถตู้โดยสารสาธารณะ ขณะเดียวกันก็ยกร่างกฎหมายจัดระเบียบหลักเกณฑ์การใช้รถแต่ละประเภทให้มีความชัดเจน พร้อมกับผ่อนปรนการนั่งท้ายรถกระบะออกไปอีก 3-4 ปีหรือจนกว่ากฎหมายใหม่จะมีผลบังคับใช้

ไม่ใช่อะไรๆก็กู !!! โดย : ศักดิ์ชัย พฤฒิภัค

Tag :