“ชีวิตยิ่งกว่านิยาย”

by ThaiQuote, 23 เมษายน 2560

  เรื่องราวต่อไปนี้ต้องบอกว่าเป็นเรื่องจริงยิ่งกว่าในนิยายซะอีก โดยเฉพาะหากคุณได้สัมผัสกับเรื่องราวที่กำลังจะถูกถ่ายทอด และเหนืออื่นใดก็เพื่อเป็นข้อคิดในการสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนอีกจำนวนมากที่กำลังรู้สึกท้อแท้ เบื่อหน่าย หรือกำลังอยู่ในสภาวะห่อเหี่ยวจากสาเหตุใดก็ตาม หากได้อ่านเรื่องราวของเธอคนนี้...... “น้องจ๊ะจ๋า” จิณจุฑา จุ่นวาที นักศึกษาสาขาวิชาการตลาด คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี ที่ป่วยด้วยโรคกระดูกเปราะต้องนั่งบนวีลแชร์ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ แต่ปัจจุบันเธอคนนี้กำลังจะเป็นว่าที่บัณฑิตคณะบริหารธุรกิจ ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2560 โดยเธอจะเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระหัตถ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตามความฝันและเป้าหมายที่เธอวางไว้ “อย่างมากหนูก็ได้แค่ขายล็อตเตอรี่ หรือไม่ก็ขอทาน” คำพูดที่เธอยังจำได้ดีจากเหตุการณ์ที่ครูคนหนึ่งเคยพูดกับเธอไว้ มันกลายเป็นแรงผลักดันให้เธอต้องลุกขึ้นสู้โดยที่ไม่ได้มีผลต่อการดำเนินชีวิตของเธอแต่ประการใดเลย เพราะเธอไม่เก็บมาใส่ใจ หนำซ้ำในปี 2555 “น้องจ๊ะจ๋า” ยังไปคว้าตำแหน่ง รองอันดับ 2 Miss wheel chair Thailand 2012 และปัจจุบันเธอกำลังจะจบการศึกษาชั้นปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ สาขาการวิชาตลาด เด็กที่เกิดมาเป็นโรคกระดูกเปราะหักง่าย พิการมาแต่กำเนิด หนำซ้ำพ่อแม่ทอดทิ้งไปตั้งแต่แรก นางขนิษฐา เมือบศรี อาชีพหมอนวดแผนไทย แม่บุญธรรมที่ขอเธอมาเลี้ยงจากพ่อ ซึ่งพ่อเป็นหลานเขยของแม่ โดยแม่ที่ให้กำเนิดเป็นภรรยาน้อยพ่อได้ทิ้งเธอไปตั้งแต่คลอดพอรู้ว่าเป็นเด็กพิการ สรุปง่าย ๆก็คือแม่ที่เลี้ยงเธอมาไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดแม้แต่นิดเลย “น้องจ๊ะจ๋า” เล่าถึงชีวิตของเธอว่าตั้งแต่เกิดจนปัจจุบันตนเองมีแม่บุญธรรมที่เลี้ยงเธอมาตลอด อายุได้ 5 ขวบแม่พาไปสมัครเรียนแต่ไม่มีโรงเรียนไหนรับเข้าเรียน กระทั่งโรงเรียนมีนประสาทวิทยารับจึงได้เรียนชั้นป.1 เรียนได้ 1 เดือนเกิดประสบอุบัติเหตุจึงต้องย้ายมาโรงเรียนทองสัมฤทธิ์ 1 เดือน แต่ด้วยความที่ไกลบ้าน ตอนนั้นอาศัยอยู่บ้านนักกีฬา บางกะปิกับญาติของแม่จึงต้องย้ายมาเรียนโรงเรียนสุเหร่าทับช้าง ตอน ป.1 ซึ่งเด็ก ป.1 ต้องย้ายโรงเรียนถึง 3 โรงเรียน ตนเองเรียนอยู่ที่โรงเรียนสุเหล่าทับช้างชั้นถึง ป.3 และด้วยความสะดวกในการเรียนของลูก ประกอบกับแม่อยากให้ตนสะดวกสบายจึงหาโรงเรียนให้ใหม่จึงได้ย้ายมาเรียนที่โรงเรียนศรีสังวาลย์ ของมูลนิธิอนุเคราะห์คนพิการในพระราชูปถัมภ์ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี จึงถึงชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 3 โดยแม่ของตนเองต้องย้ายมาเช่าหอพักติดโรงเรียนเพื่อมาดูแลตนเอง “จิณจุฑา” เล่าต่อว่าหลังจากเรียนจบชั้น ม.3 จึงเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนปากเกร็ด (อยากเรียนรวมกับเพื่อนปกติ) โชคดีที่ได้เพื่อน ๆและคุณครูช่วยกันดูแลจนจบชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 6 และเธอก็สอบตรงเข้าศึกษาต่อที่ มทร.ธัญบุรี ด้วยความฝันว่าอยากเรียนคณะสื่อสารมวลชน เพราะเธอฝันอยากจะเป็นนักข่าว “ตอนเด็ก ๆ หนูมีโอกาสได้ออกสื่อตอน 5 ขวบ ในรายการเจาะใจ (ทำให้มีคนเข้ามาช่วยอุปภัมภ์ซึ่งก็คือคุณสุภา ผึ้งสุข ฝ่ายกฎหมายของบริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ) ได้เห็นคนที่ทำงานเกี่ยวกับสื่อมวลชน ได้เห็นเครื่องมืออุปกรณ์จึงอยากทำงานสายงานนี้ จึงอยากเป็น “นักข่าว” มาก แต่ด้วยร่างกายของเราที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเรียนสาขาวิชานี้ จึงหันมาศึกษาสาขาที่เกี่ยวกับสาขาที่มีความใกล้เคียงกับสิ่งที่ตนเองชอบนั่นคือ “สาขาการตลาด” โดยส่วนตัวแล้วตนเองชอบการพูดการแสดงออก ชอบพูดคุยกับผู้คน และมองในเรื่องของการประกอบอาชีพในอนาคต มีช่องทางในการประกอบอาชีพหลากหลายอาชีพ อย่างน้อยถ้ามีความรู้ทางด้านการตลาด ช่องทางในการทำงานน่าจะเยอะขึ้น ด้วยข้อจำกัดของหนูที่ป่วยเป็นโรคกระดูกเปราะ จึงต้องระมัดระวังตัวเองเป็นพิเศษ เพราะกระดูกจะหักง่าย จากโรคดังกล่าวนี่เองทำให้หนูต้องเข้ารับการผ่าตัดปีละครั้ง เรียกว่า“ผ่าตัดจนชิน” เพราะหนูผ่านการผ่าตัดมาเป็นครั้งที่ 24 แล้ว นั่นคือความโชคร้ายที่เกิดขึ้น แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีมาให้เห็นเสมอ เธอบอกว่านั่นคือ “ความรักของแม่” เป็นความรักที่ไม่ใช่ความรักหนุ่มสาว ความรักที่แม้จะไม่ใช่สายเลือด ความรักที่ไม่ต้องการสิ่งตอบแทนหรือแค่อาจจะมีใครสักคนเป็นเสียงหัวเราะและความสุขของใครอีกคน แค่นั้นก็อาจจะพอแล้ว หนูกับแม่ลำบากกันมามาก ต้องอดมื้อกินมื้อ มีแต่เราสองคนที่รู้และเข้าใจความรู้สึกนั้น” กว่า 22 ปี ที่แม่ยึดอาชีพหมอนวดแผนโบราณเลี้ยงตนเองมา ภาพตอนเด็กเวลาแม่ไปนวดที่ไหน หนูจะไปด้วยเสมอ และจะมีสมุดวาดรูปให้เล่มหนึ่งเพื่อไม่ให้รบกวนแม่ตอนทำงาน ปัจจุบันแม่ของเธอเลิกอาชีพการเป็นหมอนวดแผนโบราณแล้ว โดยทั้งเธอและแม่ได้เปิดร้านขายของกิ๊ฟช็อป (กระเป๋าเอกสารกระเป๋าใส่ของ) ที่ตลาดนัด Rmutt walking street ทุกวันอังคาร – วันพฤหัสบดี เวลาตั้งแต่ 16.00 – 22.00 น. ใครที่สนใจสามารถสั่งของได้ทางทวิตเตอร์ @Thejajahshop อ่านเรื่องราวของ “น้องจ๊ะจ๋า” จิณจุฑา จุ่นวาที นักศึกษาสาขาวิชาการตลาด คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี แล้วคงทำให้ใครต่อใครได้แรงบันดาลใจไม่มากก็น้อยเพราะในความพิการของเธอมันไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการเรียนแม้แต่น้อย ผลการเรียนที่บ่งชี้ด้วยเกรดเฉลี่ยสะสม 2.5 คือสิ่งชี้ชัดได้เป็นอย่างดี เธอกล่าวในตอนท้ายว่า วันนี้หนูกำลังจะจบปริญญาตรี แม่ได้พาหนูมาไกลมาก ๆ จากนี้มันเพิ่งเริ่มต้นขึ้น แต่ไม่ว่าจากนี้จะเป็นอย่างไร จะเจ็บ จะป่วย จะเหนื่อย หนูพร้อมแล้ว แค่มีแม่และทุกคนข้างหนูก็พอ” โดยเดือนพฤศจิกายนนี้เธอจะเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร จากพระหัตถ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สร้างความภูมิใจให้กับครอบครัว เพราะว่าเธอเป็นหลานคนแรกที่เรียนจบ ได้รับปริญญาบัตรใบแรกของครอบครัว และจะทำงานเลี้ยงแม่ ดูแลแม่ จับมือเดินเคียงข้างกันตลอดไป “ไม่ต้องท้อ ไม่ต้องเอาตนเองไปเปรียบกับใคร ทำทุกอย่างที่ตั้งเป้าหมายไว้ เมื่อมีอุปสรรคระหว่างเดิน นั่งพัก หายเหนื่อยแล้วเดินต่อ” จ๊จ๋า กล่าวทิ้งท้าย

Tag :