ผลงานวิจัยจากหลายสำนักที่เกี่ยวกับอวัยวะส่วนที่ดึงดูดความสนใจของหนุ่ม ๆ ต่างเทคะแนนให้อย่างท่วมท้นกับเรื่องของ “หน้าอก” ผู้หญิง เหตุเพราะคือสิ่งบ่งชี้ในความเป็นผู้หญิงมากที่สุดนั่นเอง ว่ากันว่าปัจจัยที่มีผลทำให้หน้าอกหน้าใจของผู้หญิงมีขนาดและรูปร่างที่แตกต่างกัน มีอยู่ 6 ปัจจัย คือ ความหนาแน่นของเนื้อเยื่อหน้าอก ,กรรมพันธุ์, อายุ ,การเพิ่มหรือลดน้ำหนัก ,ภาวะการตั้งครรภ์ และระดับฮอร์โมนที่เกี่ยวข้อง จึงมีคำถามที่ตามมาว่าทำไมผู้หญิงต้องมีหน้าอก ? หน้าที่หลักของหน้าอกผู้หญิง คือเอาไว้ผลิตน้ำนมเลี้ยงลูก ข้างในจึงเต็มไปด้วยต่อมและเนื้อเยื่อไขมันต่าง ๆมากมาย ซึ่งเจ้าเนื้อเยื่อไขมันนี่เองที่จะเป็นตัวกำหนดขนาดและรูปร่างของหน้าอก ไม่ใช่กล้ามเนื้ออย่างที่หลายคนเข้าใจ หน้าอกคัพต่าง ๆ มีน้ำหนักไม่เท่ากัน เริ่มจาก คัพ A มีน้ำหนักประมาณครึ่งกิโลกรัม คัพ B หนักประมาณ 1 กิโลกรัม คัพ C หนักประมาณ 1.5 กิโลกรัม และคัพ D หนักประมาณ 2 กิโลกรัม ซึ่งผู้หญิงสองคนจะมีคัพเดียวกันได้แต่อาจจะใส่บราคนละไซส์กัน ซึ่งก็ขึ้นอยู่ที่ความแตกต่างของรูปทรง ความชิดและตำแหน่ง ขณะเดียวกันธรรมชาติยังสร้างให้หน้าอกผู้หญิงขยายได้จนถึงอายุ 20 กว่า ๆ เร็วที่สุดในช่วงวัยรุ่น และหน้าอกจะไม่ขยายขึ้นอีกเมื่อเต็มที่แล้ว ยกเว้นกรณีที่น้ำหนักขึ้นหรือตั้งครรภ์ โดยมากหน้าอกข้างซ้ายของผู้หญิงมักจะมีขนาดใหญ่กว่าข้างขวาเสมอ รวมถึงลักษณะการนอนซึ่งจะมีผลทำให้ผิดรูปทรงได้ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามจากผลการสำรวจยอดจำหน่ายชุดชั้นในสำหรับผู้หญิง พบว่าผู้หญิงไทยอายุระหว่าง 15-25 ปีจะมีขนาดหน้าอกอยู่ที่ 32 นิ้ว หรือ 70 เซนติเมตร (Cup B) ร้อยละ 46.5 ,ผู้หญิงที่มีอายุระหว่าง 26-35 ปี มีขนาดหน้าอกอยู่ที่ 34 นิ้ว หรือ 75 เซนติเมตร (Cup C) ร้อยละ 29 และผู้หญิงร้อยละ 82.9 มีความต้องการเพิ่มขนาดหน้าอกให้ใหญ่กว่าเดิม 1-2 คัพ โดยให้เหตุผลว่าเพื่อสร้างความมั่นใจและส่งเสริมบุคลิกภาพของตนเองในการทำงาน ขอบคุณข้อมูล pooyingnaka.com