จับกระแส “เมียนมา” โอกาสของผู้ประกอบการไทย

by ThaiQuote, 22 มิถุนายน 2560

ข้อมูลจากฝ่ายวิจัยธุรกิจ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) พบว่า การเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมการบริโภคของชาวเมียนมา เกิดกลุ่มของชนชั้นกลางที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วตามภาวะเศรษฐกิจที่กำลังร้อนแรง ทำให้ผู้บริโภคชาวเมียนมาเริ่มมีความต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันนอกเหนือจากปัจจัย 4 มากขึ้น โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือ สินค้าฟุ่มเฟือย และเครื่องใช้อำนวยความสะดวกต่างๆซึ่งถือเป็นสินค้าที่กำลังมาแรงในกลุ่มผู้บริโภคเมียนมายุคใหม่ ทั้งนี้มูลค่านำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยและเครื่องใช้อำนวยความสะดวกต่างๆ ของเมียนมาเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ และรถยนต์ ซึ่งในปี 2559 มีมูลค่านำเข้ารวมกันราว 4,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับปี 2552 ในช่วงก่อนเปิดประเทศที่เมียนมานำเข้าสินค้าดังกล่าวรวมกันเพียง 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นอัตราขยายตัวเฉลี่ยราว 50% ต่อปี ด้านของกระแสสุขภาพและความงาม ก็เป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่กำลังมาแรง ธุรกิจด้านความงามถือเป็นหนึ่งในตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดและกลายเป็นเป้าหมายสำคัญของแบรนด์เครื่องสำอางชั้นนำของโลก โดยมูลค่านำเข้าเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวของเมียนมาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 2.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2553 เป็น 92 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2559 หรือคิดเป็นอัตราขยายตัวเฉลี่ยสูงถึงเกือบ 80% ต่อปี ขณะเดียวกันธุรกิจบันเทิงและสันทนาการ กลายเป็นหนึ่งในธุรกิจที่เติบโตมากที่สุด ชาวเมียนมาที่มีรายได้ระดับกลางถึงสูงจะมีค่าใช้จ่ายด้านบันเทิงและสันทนาการสูงถึงราว 11-15% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด มากเป็นอันดับ 2 รองจากค่าใช้จ่ายด้านอาหาร ธุรกิจโรงภาพยนตร์ที่ปัจจุบันนักธุรกิจในเมียนมามีแผนสร้างโรงภาพยนตร์เพิ่มขึ้นอีกกว่า 100 แห่งทั่วประเทศภายในปี 2561 จากเดิมที่มีเพียง 40 แห่ง รวมทั้งธุรกิจจัดงานอีเวนท์และเทศกาลดนตรีต่างๆ ก็กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก นอกจากนี้ธุรกิจ Fast Food และ Modern Café กำลังกลายเป็นทางเลือกใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่  กระแสการดื่มกาแฟตามร้านสมัยใหม่กำลังเป็นที่นิยมเช่นเดียวกับเมืองใหญ่อื่นๆ ทั่วโลก ทำให้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีแฟรนไชส์ร้านอาหารจานด่วนและร้านกาแฟชื่อดังหลายแห่งจากต่างประเทศเข้ามาเปิดให้บริการในเมียนมาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากที่เคยมีเพียงไม่ถึง 5 แฟรนไชส์ในปี 2556 เป็นราว 50 แฟรนไชส์ในปัจจุบัน โดยเฉพาะในเมืองย่างกุ้งและมัณฑะเลย์ ไม่ว่าจะเป็น Pizza Hut, KFC, Lotteria, Swensens, Gloria Jean’s Coffees, True Coffee เป็นต้น เช่นเดียวกับ การสื่อสารผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์อย่าง Facebook ที่เริ่มมีอิทธิพลมากขึ้น จากจำนวนผู้ใช้อินเตอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้นจากราว 100,000 คนในปี 2553 เป็นราว 11 ล้านคนในปัจจุบัน เช่นเดียวกับจำนวนผู้ใช้โทรศัพท์มือถือที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเช่นกันจาก 4 ล้านเลขหมายในปี 2557 เป็นราว 50 ล้านเลขหมายในปัจจุบัน โดย Facebook ซึ่งถือเป็น Social Media ที่ได้รับความนิยมสูงสุด หรือคิดเป็น 99% ของ Social Media ทั้งหมด โดยจำนวนผู้ใช้ Facebook ในเมียนมาเพิ่มขึ้นจาก 1 ล้านบัญชีในปี 2556 เป็นราว 10 ล้านบัญชีในปัจจุบัน ทำให้ Facebook กลายเป็นหนึ่งในช่องทางการตลาดที่ได้รับความนิยมสูง อย่างไรก็ตาม กระแสความนิยมที่เปลี่ยนแปลงตามโลกปัจจุบันดังกล่าว จะเป็นการส่งผลให้เกิดโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าและบริการที่สอดคล้องไปกับวิถีการใช้ชีวิตในสังคมเมืองของชาวเมียนมา

Tag :