“ผีอำ” ใช่ผีหลอกจริงหรือ? หาคำตอบที่นี่

by ThaiQuote, 19 กรกฎาคม 2560

“ผีอำ” เป็นความเชื่อของคนหลายเชื้อชาติมาแต่โบราณว่า เมื่อเคลิ้มเกือบจนหลับไหลจะมีความรู้สึกอึดอัดเหมือนมีใครมากดทับที่ร่างกายไม่สามารถขยับตัวหรือส่งเสียงใด ๆได้ จึงเชื่อว่าเป็นการกระทำที่เกิดจากผีแต่ในทางของวิทยาศาสตร์ผีอำเกิดจากขณะที่กำลังจะหลับ มักจะเกิดจากโรคลมหลับซึ่งเป็นอาการผีอำที่เกิดขึ้นในขณะที่กำลังจะตื่น อาจจะเกิดจากโรคลมหลับหรืออาจจะเกิดในคนที่อดนอนหรือนอนไม่พอมาหลายวัน หรือเข้านอนผิดเวลาก็เป็นได้ สำหรับอาการของผีอำมักเกิดทันทีเมื่อหมดช่วงการหลับแบบตากระตุก โดยจะเป็นอยู่ไม่กี่นาที แล้วค่อย ๆหายหรือหายทันทีเมื่อถูกเรียก ถูกสัมผัส ถูกปลุกโดยใครก็ได้ ผู้ที่เป็นผีอำจะรู้สึกว่าตนนั้นตื่นอยู่ แต่ขยับเขยื้อนไม่ได้ทั้งที่ตนได้พยายามขยับเขยื้อนแล้ว พยายามตะโกนเรียกให้คนช่วยแล้ว แต่ไม่มีคนได้ยิน เพราะไม่มีเสียงออกมา และเมื่อตื่นขึ้นจะจำเหตุการณ์และเล่าประสบการณ์ที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งแท้ที่จริงแล้วมักเป็นการล้มตัวลงนอนด้วยความเหนื่อยล้าโดยเฉพาะหลังจากทำงานหรืออ่านหนังสือ แม้กระทั่งดูโทรทัศน์ เมื่อนอนด้วยความเหนื่อยล้าก็เกิดการประสานกันระหว่างสารเคมีกับสภาพชีวเคมีของร่างกาย เกิดอาการกดหรือค้างทำให้ขยับเขยื้อนร่างกายไม่ไหว เนื่องจากขณะที่ตื่นอยู่สมองทำงานอยู่แต่ร่างกายขยับเขยื้อนไม่ไหว เหมือนมีใครมาคุมร่างกายอยู่ ผู้ที่เกิดอาการนี้จึงเชื่อมโยงว่ามีผีมาจับตัวซึ่งที่แท้คือความไม่สัมพันธ์กันระหว่างสมองกับร่างกาย ซึ่งเป็นอาการชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้นเอง ผู้ที่ถูกผีอำส่วนใหญ่จะนอนอยู่บนเตียง มีเป็นส่วนน้อยที่จะโดนอำในท่านั่งหลับบนเก้าอี้หรือท่าที่ไม่สบายนัก และมักจะเกิดกับคนที่นอนหงายมากที่สุด ระยะเวลานานตั้งแต่ 2-3 วินาทีจนถึง 10 นาทีโดยจะหายไปเองหรือไม่ก็ผู้ที่ถูกผีอำพยายามเอาชนะอาการเอง หรือมีคนมาช่วยสะกิดปลุกให้ตื่นขึ้น วิธีปราบผีอำ วิธีการแก้อาการผีอำคือ การทำจิตใจให้สบาย ผ่อนคลายก่อนนอน หรืออาจใช้ยาประเภทคลายเครียดเข้าช่วย และเมื่อเกิดอาการผีอำแล้วให้นอนเฉย ๆสักพัก อาการจะหายไปเอง ดูแลร่างกายให้ห่างผีอำ สำหรับวิธีการดูแลร่างกายให้ไม่ต้องเผชิญกับผีอำก็ไม่ใช่เรื่องยาก โดยลองทำและไม่ทำวิธีการดังต่อไปนี้ สิ่งที่ควรทำ -ใช้ห้องนอนสำหรับนอนและเรื่องบนเตียง (เช่นหายใจช้า ๆ ก่อนนอนสวดมนต์ ฯลฯ) ไม่ควรใช้ห้องนอนเล่นอินเตอร์เน็ต เขียนบล็อก ทำงาน โทรศัพท์ ฯลฯ -ถ้าไม่มีห้องแยก (ทำทุกอย่างในห้องนอนห้องเดียว) ควรปรับแสงไฟ เช่นมีไฟสลัว ๆ ดวงพิเศษสำหรับสร้างบรรยากาศห้องนอน แล้วปิดไฟดวงอื่นๆให้หมดเปิดไฟดวงนี้ก่อนนอนอย่างน้อย 15 นาที ฯลฯ -ออกกำลังเป็นประจำ จะเป็นเวลาไหนก็ได้ถ้าออกกำลังเบา ๆจนถึงแรงปานกลาง แต่ถ้าออกกำลังหนัก… ควรทำก่อนเวลานอน 1-2 ชั่วโมงขึ้นไป (ยกเว้นคนที่ร่างกายฟิตจริงๆ จะหายเหนื่อยเร็ว และหลับได้ตามปกติ) -นอนและตื่นตรงเวลา ทั้งวันธรรมดาและวันหยุด -วอร์มดาวน์ หรือปรับสภาพก่อนนอน เช่น อาบน้ำ สวดมนต์ ฟังเพลงช้าๆ ทำท่ายืดเส้นยืดสายหรือโยคะเบา ๆ (ท่าเบาๆ ไม่ใช่ท่าโหดๆ) ฯลฯ ก่อนนอน15-30 นาที -ทำสมาธิ โดยฝึกหายใจช้า ๆ นาทีละไม่เกิน 10 ครั้ง วันละ 10-15 นาที -จัดห้องนอนให้เงียบ มืด และเย็นหน่อย (ถ้าเป็นไปได้ควรปิดแสงจากภายนอก และไม่เปิดไฟนอน) -หาทางลดเสียงรบกวนจากภายนอก ถ้าลดเสียงรบกวนไม่ได้…อาจเปิดพัดลมหรืออัดเสียงเรียบๆ เรื่อยๆ (white noise) เช่น เสียงคลื่นกระทบฝั่ง ฯลฯ ไว้ ใช้เครื่อง MP3 เล็กๆ เปิดเพื่อกลบเสียงรบกวน สิ่งที่ไม่ควรทำ -ไม่กินอาหารที่มีกาเฟอีนหลังอาหารกลางวัน เช่น กาแฟ ชา ชอคโกแล็ต โกโก้ น้ำอัดลมชนิดน้ำดำ เครื่องดื่มบำรุงกำลัง ฯลฯ -ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ (เหล้า เบียร์ ไวน์ ฯลฯ) 6 ชั่วโมงก่อนนอน (เหล้าทำให้กรนมากขึ้น หลับเร็วขึ้น แต่หลับตื้น และตื่นง่ายขึ้น) -ไม่ดูทีวีก่อนนอน (ประมาณ 1-2 ชั่วโมง) แต่ถ้าเป็นรายการเบาๆ ก็สามารถดูได้ เช่น สารคดี นิทานก่อนนอน ข่าวต่างประเทศ ฯลฯ ขณะที่รายการเครียดๆ เช่น ข่าว 3 จังหวัดภาคใต้ ควรหลีเลี่ยง -ไม่สูบบุหรี่ก่อนนอน (บุหรี่ทำให้หัวใจเต้นแรง-เร็ว นอนหลับยากขึ้น) ไม่เข้านอนทั้งที่หิว (หิวมากนอนหลับยาก อาจใช้วิธีเบาๆ สบายๆ เช่น ดื่มนมไขมันต่ำหรือนมถั่วเหลืองเสริมแคลเซียม 1/2 แก้ว ผลไม้ เช่น กล้วย แอปเปิล 1/2 ผล ฯลฯ) -ไม่กินอาหารมื้อใหญ่ 1-3 ชั่วโมงก่อนนอน (วิธีที่ดีคือ กินมื้อเย็นเป็นมื้อเล็กๆ มื้อเช้า-เที่ยงเป็นมื้อใหญ่) ส่วนผู้ที่เป็นโรคกรดไหลย้อน (gastroesophageal reflux disease / GERD) ควรกินมื้อเย็นให้น้อยลงไปอีก -ไม่รอจนง่วงแล้วค่อยเข้านอน ทางที่ดีคือเข้านอนก่อนง่วง การเข้านอนหลังง่วงเต็มที่อาจทำให้ร่างกายปรับสภาพไม่ทัน เช่น ลุยทำงานดึกทำให้ร่างกายตื่นตัว อาจทำให้นอนดึกขึ้นเรื่อยๆ -ไม่ออกกำลังหนักใกล้เวลานอน ให้ห่างออกไปสัก 1-3 ชั่วโมง -ไม่ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ก่อนนอน 1-2 ชั่วโมง -ไม่เปิดจอคอมพิวเตอร์ให้สว่างหลังพระอาทิตย์ตกดิน โดยควรปรับจอคอมฯ ตามเวลากลางวัน-กลางคืน กลางวันเปิดหน้าจอสว่างหน่อยได้ หลังพระอาทิตย์ตกดินควรเปิดไฟในบ้านให้สว่างน้อยลง เปิดจอคอมฯ ให้สว่างน้อยลง -ไม่เปิดเพลงเร็วๆ เร้าใจ หรือเพลงดังๆ ก่อนนอน 1-2 ชั่วโมง ควรปรับเสียงต่ำ (เบส) ตามเวลากลางวัน-กลางคืน กลางวันเปิดเบสดังหน่อยได้ หลังพระอาทิตย์ตกดินควรลดเสียงเบสให้เบาลง -ไม่นอนกอดอก เพราะอาจทำให้ฝันร้าย หรือรู้สึกคล้ายผีอำได้จากแรงกดของมือและแขน ขอบคุณที่มากจาก  : emaginfo.com

Tag :