คลังคาด พ.ร.บ.กบช. เริ่มใช้ปี 61 หวังแรงงานในระบบมีเงินออมหลังเกษียณ

by ThaiQuote, 22 สิงหาคม 2560

สำหรับหลักการของกฎหมายดังกล่าวจะให้แรงงานในระบบและนายจ้าง ร่วมกันส่งเงินสมทบใน กบช.โดยมีอัตราเริ่มตั้งแต่ 3 % ใน 3 ปีแรก และเพิ่มเป็น 5 % ในอีก 2-3 ปีต่อมา และเพิ่มสูงสุดที่ 7 % ซึ่งจะเริ่มบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวกับบริษัทขนาดใหญ่ก่อน หลังจากนั้นจึงเริ่มใช้กับบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กตามลำดับ คาดว่าภายใน 7 ปีผู้ประกอบการจะเข้ามาอยู่ในกบช.ครบทั้งหมด รวมถึงแรงงานในระบบกว่า 14 ล้านคนด้วย “กระทรวงการคลังประเมินว่าหากมีการเข้ากบช.ตั้งแต่อายุ 15-60 ปีต่อเนื่องจะทำให้มีรายได้หลังเกษียณสูงถึง 4 หมื่นกว่าบาทต่อเดือน ไม่เพียงเท่านี้แรงงานในระบบจะยังมีเงินบำนาญจากกองทุนประกันสังคม โดยหากมีการส่งเงินสมทบตั้งแต่อายุ 20-55 ปี จะมีเงินหลังเกษียณประมาณ 7,500 บาทต่อเดือน ดังนั้นเมื่อรวมเงินใน 2 ส่วนนี้จะทำให้แรงงานมีเงินเฉลี่ยราว 51,000  บาทต่อเดือน ซึ่งจะเพียงพอต่อการดำรงชีพหลังเกษียณอย่างแน่นอน" ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าว พร้อมระบุว่ารัฐบาลยังมีมาตรการต่าง ๆที่สนับสนุนการออมเพื่อรับสวัสดิการการดำรงชีวิตในวัยเกษียณอีกมาก อาทิ กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ซึ่งมีเป้าหมายคือต้องการให้แรงงานนอกระบบกว่า 20 ล้านคนเข้าเป็นสมาชิก โดยปัจจุบัน กอช.มีสมาชิกเพียง 5.2 แสนคนเท่านั้น โดยในส่วนนี้อยู่ระหว่างการแก้ไขกฎหมายในการเพิ่มเงินสมทบ ซึ่งจะช่วยจูงใจให้มาสมัครเป็นสมาชิกมากขึ้น รวมทั้งยังมีมาตรการหักลดหย่อนภาษีในกรณีผู้ประกอบการจ้างผู้สูงอายุเข้าทำงาน แต่ยอมรับว่าขณะนี้ยังไม่มีผู้ประกอบการแจ้งใช้สิทธิตามมาตรการดังกล่าว และมีโครงการสินเชื่อ Reverse Morgage รองรับผู้สูงอายุให้สามารถดำรงชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่ามาตรการต่าง ๆที่ออกมานั้น รัฐบาลมีเป้าหมายเพื่อต้องการดูแลผู้สูงอายุหลังจากที่ประเทศไทยเตรียมก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างเต็มรูปแบบในอีก 10-15 ปีข้างหน้า โดยในส่วนนี้หากไม่มีมาตรการรองรับจะทำให้รัฐบาลมีภาระในการใช้งบประมาณดูแลผู้สูงอายุมากถึง 6-7 แสนล้านบาทต่อปี ซึ่งอาจทำให้เกิดวิกฤติในภาคการคลังได้ แม้ภาคการเงินจะไม่มีปัญหาก็ตาม

Tag :