“ดร.สมฤดี ศรีจรรยา” ระบุเจาะตลาด Generation X ต้องรู้เท่าทันสื่อโฆษณาต้องฉลาด ไม่เยิ่นเย้อ

by ThaiQuote, 12 ตุลาคม 2560

“ผู้อาวุโสเหล่านี้ก่อนนี้เคยเกษียณเมื่ออายุ 60 ปี ปัจจุบันสามารถทำงานต่อได้จนถึง 65 ปีเป็นอย่างน้อย คนเหล่านี้ยังแข็งแรงกระฉับกระเฉงและไม่คิดว่าตัวเองแก่ (อายุเป็นเพียงตัวเลข) หลายคนคิดว่ายังสามารถทำงานต่อได้อีกนาน ดังนั้นสินค้าใดที่ตรงกับแรงบันดาลใจดังกล่าว ช่วยสร้างเสริมความแอ็กทีฟ ความสมาร์ท กระฉับกระเฉง ถ้าเป็นผู้หญิงสูงวัยก็ยิ่งจะพิถีพิถันในการเลือกสินค้า ใช้สินค้าที่ดี ยอมลงทุนเพื่อรักษาความสวยงามให้ยืนนาน” ถึงตอนนี้ดร.สมฤดีได้กล่าวต่อว่าการใช้หลัก Emotion Branding เพื่อทำให้คนเหล่านั้นรู้สึกสบาย มั่นใจและมีคำตอบตรงกับที่เขาปรารถนาและต้องการ การใช้ Presenter หรือ Celebrities คนดังที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกันทำให้เรารู้สึกผูกพันกับตัวเองได้ง่าย ผู้หญิงในวัยหลัง 50 ปีที่มีปัญหาเรื่องส่วนตัว เรื่องเพศ เรื่องสุขภาพ เรื่องความโรยราของสังขารก็จะยิ่งแสวงหาสินค้าที่ชดเชย หรือเพิ่มพูนเรียกความเชื่อมั่นให้กลับมา เช่นเดียวกับผู้ชายวัยอาวุโสที่ทำงานแข่งกับคนรุ่นใหม่ที่วัดรอยเท้าตลอด ก็จะต้องแสวงหาสิ่งที่ทำให้เขาไม่รู้สึกว่าด้อยเปรียบ เขายังเก่งกว่า ฉลาดกว่า ลึกกว่า เห็นโลกมามากกว่า ยิ่งสินค้าใดที่ทำให้เขามั่นใจไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เนคไท รถยนต์ ห้องทำงาน บ้าน เฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ ก็ถือว่าจับจุดได้ถูกต้องโดนใจ ถ้าเเบรนด์ใดทำให้เขารู้สึกว่าเขายังเป็นคนสำคัญ มีบารมี และมีอิทธิพลเหนือกว่าคนหนุ่มรุ่นหลังและไม่มีใครท้าทายได้ ทำให้เขารักษาสถานะเดิมไว้ได้นานที่สุดเท่าใดก็ยิ่งดี แม้ลึก ๆคนรุ่นนี้จะไม่ชอบสินค้าไฮเทค สิ่งที่ซับซ้อนยุ่งยากเพราะใช้วิธีสั่งผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นผู้ลงมือทำตัวเองไม่ทำ แต่ในภาพยนตร์ระยะหลังจะเห็นพระเอกคนรุ่น Baby Boomers ที่ใช้คอมพิวเตอร์อย่างชำนาญ สามารถเข้าเว็บหาข้อมูล เป็นการต่อสู้ในเรื่อง Cyber ซึ่งผู้บริหารระดับสูงในภาพยนตร์จะแสดงให้เห็นความเป็นวีรบุรุษของคนเหล่านี้ ซึ่งถูกใจส่วนลึก ๆของพระเอกในฝัน และเป็นแรงกระตุ้นให้คนเหล่านี้อยากพัฒนาตัวเองบ้างไม่ให้ตกรุ่นและอับอายคนรุ่นใหม่ รายการโทรทัศน์ที่ส่งเสริมและยกย่องทำให้คนเหล่านี้รู้สึกทันสมัย นิตยสารพิเศษที่ตรงกลุ่มจะได้รับความนิยม สินค้าที่จับอารมณ์ถูกต้องไม่ว่าจะเป็นสินค้าอาหารสุขภาพ เครื่องไฟฟ้า เครื่องใช้ไม้สอย บ้านที่อยู่อาศัย สินค้าสุขภาพ กีฬา โรงแรม บริการ ท่องเที่ยว คอนเซ็ปต์โฆษณาที่นอกจากไม่ดูถูกว่าคนเหล่านี้เป็นคนแก่ กลับกันถ้ายิ่งยกย่องเชิดชูทำให้ภูมิใจ ทำให้เกิดความสำคัญ จะประสบความสำเร็จอย่างสูง การใช้หลัก Emotion Branding เพื่อทำให้คนเหล่านั้นรู้สึกสบาย มั่นใจ และมีคำตอบตรงกับที่เขาปรารถนาและต้องการ การใช้ Presenter หรือ Celebrities คนดังที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ทำให้เรารู้สึกผูกพันกับตัวเองได้ง่าย ผู้หญิงในวัยหลัง 50 ปี ที่มีปัญหาเรื่องส่วนตัว เรื่องเพศ เรื่องสุขภาพ เรื่องความโรยราของสังขาร ก็จะยิ่งแสวงหาสินค้าที่ชดเชย หรือเพิ่มพูนเรียกความเชื่อมั่นให้กลับมา เช่นเดียวกับผู้ชายวัยอาวุโสที่ทำงานแข่งกับคนรุ่นใหม่ที่วัดรอยเท้าตลอด ก็จะต้องแสวงหาสิ่งที่ทำให้เขาไม่รู้สึกว่าด้อยเปรียบ เขายังเก่งกว่า ฉลาดกว่า ลึกกว่า เห็นโลกมามากกว่า ยิ่งสินค้าใดที่ทำให้เขามั่นใจไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เนคไท รถยนต์ ห้องทำงาน บ้าน เฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ ก็ถือว่าจับจุดได้ถูกต้องโดนใจ ถ้าเเบรนด์ใดทำให้เขารู้สึกว่าเขายังเป็นคนสำคัญ มีบารมี และมีอิทธิพลเหนือกว่าคนหนุ่มรุ่นหลัง และไม่มีใครท้าทายได้ ทำให้เขารักษาสถานะเดิมไว้ได้นานที่สุดเท่าใดก็ยิ่งดี แม้ลึกๆคนรุ่นนี้จะไม่ชอบสินค้าไฮเทคหรือสิ่งที่ซับซ้อนยุ่งยาก เพราะใช้วิธีสั่งผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นผู้ลงมือทำตัวเองไม่ทำแต่ในภาพยนตร์ระยะหลังจะเห็นพระเอกคนรุ่น Baby Boomers ที่ใช้คอมพิวเตอร์อย่างชำนาญ สามารถเข้าเว็บหาข้อมูลเป็นการต่อสู้ในเรื่อง Cyber ซึ่งผู้บริหารระดับสูงในภาพยนตร์จะแสดงให้เห็นความเป็นวีรบุรุษของคนเหล่านี้ ซึ่งถูกใจส่วนลึก ๆของพระเอกในฝันและเป็นแรงกระตุ้นให้คนเหล่านี้อยากพัฒนาตัวเองบ้างไม่ให้ตกรุ่นและอับอายคนรุ่นใหม่ ยุค Generation X หนุ่มใหญ่ สาวใหญ่ “ผู้วัดรอยเท้า” และเตรียมสืบทอดรุ่นอาวุโส กลุ่ม Gen X  กูรูด้านการตลาดได้อธิบายความว่า คนรุ่นนี้คือคนที่เกิดระหว่างปี 1964 – 1980 ถ้าเป็นอายุก็รุ่น 29 – 45 ปี ถือว่าเป็นคนรุ่นใหญ่วัยเก่งและกำลังประสบความสำเร็จ ถ้าทำงานก็มีตำแหน่งสูง มีสถานะมีผู้ใต้บังคับบัญชา ถ้าเป็นนักธุรกิจก็กำลังประสบความสำเร็จผ่านร้อนผ่านหนาวมาไม่แพ้รุ่นผู้อาวุโส คนรุ่นนี้เกิดมาในสภาพที่โลกเปลี่ยนไปมาก โทรทัศน์กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันและได้รับการสื่อสารสูง แต่แม้ชีวิตมีความสะดวกสบายมากขึ้น สภาพครอบครัวและสังคมกลับไม่อบอุ่น ยิ่งในสังคมอเมริกันที่อัตราการหย่าร้างสูง ทุกครอบครัวต้องทำงานแข่งขันชนิดปากกัดตีนถีบ พ่อแม่ไปทำงานทั้งคู่ หลายคนเกิดมาในขณะที่พ่อแม่แยกกันอยู่ แนวคิดของคนกลุ่มนี้จะมองโลกด้วยสายตาหวาดระแวงไม่ไว้วางใจใครจึงมักจะขวางโลก กบฏต่อสังคม มีความเป็นอิสรเสรียิ่งในสภาพสังคมที่มีการต่อสู้แบบใหม่ ภัยจากการก่อการร้าย การใช้กำลังเข้าแก้ปัญหาที่ปรากฏในสื่อมวลชน เห็นภาพและเรื่องร้ายๆ ทุกวัน ปัญหา HIV ที่น่าสะพรึงกลัว ทำให้เห็นโลกภายนอกโหดร้ายต้องระมัดระวังตัว ในส่วนดีคือคนรุ่นนี้ได้รับการศึกษาดี มีความฉลาดเฉลียว ทำงานเก่งความสามารถสูง ก้าวหน้าในตำแหน่งอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นเหมือนท้าทายคนรุ่นอาวุโส กระหายเงินเดือนและค่าตอบแทนสูง เปลี่ยนงานง่ายถ้าได้ตำแหน่งและเงินเดือนดีกว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ดีมีความสามารถในการเจรจาต่อรอง เสียงดัง ชอบแสดงออกเพื่อแสดงอำนาจและความเก่งของตัวเอง หลายคนเป็นนักธุรกิจประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุ 20 เศษ เติบโตมาด้วยลำแข้งตัวเอง เป็นคนมีจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์สูง ใจร้อน ตัดสินใจเร็ว ไม่ชอบอะไรชักช้า ลังเล นักการตลาดจะเจาะกลุ่มนี้ โฆษณาต้องฉลาด ไม่เยิ่นเย้อ ไม่พูดอะไรที่ยุ่งยากสับสน เพราะคนรุ่นนี้เข้าใจอะไรได้เร็วรู้ว่าอันไหนโฆษณางี่เง่า โง่เขลา อันไหนฉลาด ดีคอนเซ็ปต์ต้องแม่นยำ อย่างไรก็ตาม เธอได้อธิบายความต่อว่าคนกลุ่มนี้ชอบสินค้าบริการที่เสริมฐานะ ยกระดับตัวเอง กระหายสถานะทางสังคม หลายคนอวดตัว มีความเชื่อมั่นตัวเองสูง คิดว่าเก่งกว่าคนรุ่นก่อน มีการวางแผนทางการเงินดี ใช้จ่ายระมัดระวัง รู้ค่าของเงินในการซื้อสินค้า แต่ขณะเดียวกันในเรื่องครอบครัวมีการวางแผนดีกว่าคือไม่รีบร้อนแต่งงาน พยายามสร้างฐานะให้มีทุกอย่างพร้อมแล้วจึงตัดสินใจ แต่เมื่อแต่งงานแล้วก็อยู่กันแบบเพื่อนคู่คิดที่ต่างคนต่างมีรายได้ ต่างคนต่างมีวิถีชีวิตและแวดวงสังคมของตัวเอง พยายามไม่ซ้ำรอยรุ่นผู้อาวุโสที่มีอัตราการหย่าร้างสูง บางคนใช้วิธีอยู่ด้วยกันโดยไม่แต่งงาน คนรุ่นนี้รสนิยมทันสมัย ทั้งในเรื่องบ้าน ที่ทำงาน สโมสร ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ โรงละคร การแสดงคอนเสิร์ตดนตรี Pop ฯลฯ ที่น่าสนใจคือ คนรุ่น Gen x เป็นคนรุ่นเดียวกับผู้สร้าง Social Media จึงมีความสามารถสูงที่ติดตามความก้าวหน้าในเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด สามารถใช้เครื่องและอุปกรณ์ทันสมัย สินค้ารุ่นใหม่ และกล้าลงทุนกับเทคโนโลยีใหม่ที่ก้าวหน้าเหล่านี้ ใช้ Google, eBay, Line, E-mail, Internet, SMS, Facebook มี Website มีบล็อกของตนเอง สามารถเข้าร่วมโต้ตอบแสดงความคิดเห็นกับสังคมที่ชอบในเรื่องเดียวกัน Share ประสบการณ์ช่วยเหลือคนในกลุ่ม ตอบคำถาม สร้างงานครีเอทีฟไปลง YouTube ร่วม Wikipedia ร่วมกิจกรรม รู้จัก Search Engine หาข้อมูล งานวิเคราะห์ งานวิจัย หนังสือ รายงานจากทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่ม Young X ซึ่งอยู่ในวัย 30 กว่า จำนวนคนในกลุ่ม Gen X ในสหรัฐ มีประมาณ 17% ของประชากรทั้งหมด ซึ่งน้อยกว่าทั้งกลุ่ม Baby Boomers และ Gen Y ซึ่งมีประมาณ 30% ไล่เลี่ยกัน แต่แม้จำนวนจะน้อยกว่าแต่ก็ถือว่าเป็นผู้มีอิทธิพลทางความคิดสูง เพราะอย่างน้อยก็เป็นผู้บริหารระดับกลางในองค์กรซึ่งถือว่าควบคุมงานส่วนใหญ่ขององค์กรเป็นหัวหน้าที่สำคัญ ด้วยเหตุนี้คนกลุ่มนี้จึงแสวงหาสถานะด้วยการต้องการให้ผู้บริหารระดับสูงยอมรับความเท่าเทียมกันในการเสนอความคิดเห็น ถือว่าเป็นผู้ใหญ่ที่โตแล้วคิดได้เท่ากัน มิใช่คนทำงานใหม่องค์กรรุ่นใหม่ที่ปรับตัวเร็วและประสบความสำเร็จสูง คือยอมให้คนรุ่นนี้เข้าไปมีบทบาทในองค์กรมากขึ้น หลายองค์กรเป็นคนหนุ่มสาวรุ่นนี้ส่วนใหญ่ที่บริหารองค์กรเป็นพันล้านหมื่นล้านด้วยความสามารถทัดเทียมกับรุ่นอาวุโส และบางคนไปได้เร็วกว่า ตัวอย่างที่ชัดคือ บริษัทคนรุ่นใหม่อย่างไมโครชอฟ แอปเปิ้ล กูเกิ้ล ที่บอร์ดและผู้บริหารส่วนใหญ่จะอยู่ในวัยนี้ สาระกำลังเข้มข้นกับเรื่องราวของทฤษฎี Emotional Branding อดใจไว้อ่านกันต่อในตอนหน้า ที่รับประกันได้ว่ายังคงเข้มข้นไม่แพ้ในตอนที่ผ่าน ๆมา แล้วพบกันใหม่ในตอนหน้า

Tag :