“มือ เท้า ปาก” ระบาดหนัก แนะสังเกตอาการช่วงอากาศเปลี่ยน

by ThaiQuote, 20 ตุลาคม 2560

นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่าระยะนี้อากาศของประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงและจะเริ่มเข้าสู่ช่วงปลายฝนต้นหนาว ทำให้เกิดความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อโรคได้ง่าย โดยเฉพาะ โรคมือ เท้า ปาก ทั้งนี้จากข้อมูลสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรคตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 9 ต.ค. 60 พบผู้ป่วยแล้ว 61,674 ราย เสียชีวิต 3 ราย ซึ่งลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาในช่วงเวลาเดียวกัน (ป่วย 68,667 ราย เสียชีวิต 2 ราย) ขณะที่รายงานจากโรงพยาบาล 25 แห่งที่เข้าร่วมโครงการเฝ้าระวังเชื้อก่อโรคมือ เท้า ปาก ในกลุ่มเด็กแรกเกิด - 5 ปี ของสำนักระบาดวิทยา ตั้งแต่ต้นปี2560 ถึงปัจจุบันได้รับตัวอย่างผู้ป่วยทั้งหมด 823 ราย  ตรวจพบเชื้อเอนเทอโรไวรัส จำนวน 363 ตัวอย่าง คิดเป็น 44.11% ได้แก่ Enterovirus 71 (EV 71) (33.06%) โดยปกติจะพบเชื้อ EV71 ประมาณ 10-20% จากตัวอย่างเชื้อที่ส่งตรวจ ส่วนสายพันธุ์อื่นที่พบคือ Coxsackie virus A 16 (24.24%) Coxsackie virus A 6 (20.39%) Coxsackie virus A 10 (6.61%) Coxsackie virus A 4 (5.79%)  Rhino virus A (3.03%) และ Enterovirus อื่นๆ (6.88%) สำหรับโรคมือ เท้า ปาก เกิดจากเชื้อเอนเทอโรไวรัสหลายชนิด แต่ชนิดที่รุนแรงมากและเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากกว่าสายพันธุ์ทั่วไป คือ EV71 ซึ่งสามารถพบได้  ไม่ใช่สายพันธุ์ใหม่ โดยโรคนี้พบได้มากในเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี เพราะเด็กมีภูมิคุ้มกันต่ำ การติดต่อเกิดจากการได้รับเชื้อทางปากโดยตรง เชื้อไวรัสจะติดมากับมือหรือของเล่นที่เปื้อนน้ำมูก น้ำลาย น้ำจากแผลตุ่มพองหรืออุจจาระของผู้ป่วย หรือติดต่อจากการไอ จาม รดกัน โรคนี้อาจมีอาการเล็กน้อย เช่น    มีไข้ ผื่น ตุ่มน้ำใส หรือเม็ดแดงๆ ในปาก ฝ่ามือ ฝ่าเท้า หรือก้น ให้พาไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน ซึ่งส่วนใหญ่จะหายได้เอง ใน 7-10 วัน แต่หากเด็กมีอาการรุนแรงขึ้น เช่น ไข้สูง ซึม อาเจียน หอบ ต้องรีบนำเด็กกลับมาพบแพทย์ทันที อย่างไรก็ตามกรมควบคุมโรคขอแนะนำพ่อแม่ ผู้ปกครอง หมั่นสังเกตอาการบุตรหลานอย่างใกล้ชิด หากมีอาการไข้ร่วมกับแผลในปาก โดยอาจมีหรือไม่มีตุ่มน้ำที่มือหรือเท้าก็ได้ บางรายอาจมีเฉพาะไข้ ควรรีบพาไปพบแพทย์และพักรักษาตัวจนกว่าจะหายเป็นปกติ ควรแยกของใช้ส่วนตัวเด็กป่วยออกจากเด็กปกติ  และไม่ควรคลุกคลีกับคนอื่นๆในครอบครัวหรือชุมชน เพื่อชะลอการระบาดและการแพร่กระจายเชื้อ หากประชาชนมีข้อสงสัย สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422

Tag :