“ช่วงเวลานี้คือการเดิมพันของประเทศ” ดร.การดี เลียวไพโรจน์ กรรมการผู้จัดการศูนย์ C asean

by ThaiQuote, 6 กรกฎาคม 2559

-ในฐานะคนทำงานคิดว่าคนไทยต้องปรับตัวอะไรบ้างในสังคมอาเซียน

เรียนตรง ๆว่าพอมาทำงานที่ C asean ต้องทำงานกับเพื่อนอาเซียนทั้ง 10 ประเทศแล้วเราก็รู้เลยว่ามันมี work culture ต่างกันมากค่ะ เราก็พยายามที่จะadaptในสิ่งดี ๆที่เพื่อนเรามี สิ่งที่ดิฉันชื่นชอบนะคะก็คือวิธีการทำงานของเพื่อนสิงคโปร์ โอ๊ะมันเป็นระบบชัดเจน เป๊ะ ๆไม่มีแบบมางิ๊งงั้งประชุมคือประชุม ไม่ใช่มาเยิ่นเย้อสิ่งต่าง ๆ

-หมายถึงหลักการคิดของประเทศเขา

การคิด ๆเป็นระบบ แล้วก็เป็นการวางแผนล่วงหน้า ทุกอย่างเป็น check list กันหมดนะคะ แล้วก็ไม่ว่าจะเป็นการสรุปประชุม คือทุกประชุมเนี่ยจะมาแค่คุยกันแล้วไม่ได้อะไร ไม่ได้ ต้องได้ คือสรุปให้ได้ ก่อนจะเดินจากกัน key point  taken awayวันนี้คืออะไร แล้ว What next , แล้วก็ When, แล้ว Who คือชอบมากค่ะ จริง ๆมันก็อยู่ในระบบของเรานะคะ แต่ว่าการแสดงออกถึงความชัดเจนมาก ๆ ดิฉันคิดว่าเป็นสิ่งที่เราชอบ คนไทยอาจจะบ่นโห...แม่งเรื่องมาก แต่ดิฉันมีความรู้ว่ามันดีจังเลย นี่แหละเขาถึงไปเร็ว เขาไม่ได้ปล่อยอะไรให้มันไหลไปตามกาลเวลา ทุกอย่างมันเป๊ะ ๆ ซึ่งดิฉันคิดว่าอันนี้เป็นสิ่งที่ดิฉันชื่นชม 

ฟิลิปปินส์ก็จะเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง เขาก็สามารถที่จะ re workได้ ขณะเดียวเขาก็มีความสุขกับตัวเอง มันส์อยู่ตลอดเวลาอย่างนี้เป็นต้น หรือว่าการทำงานของเพื่อนเวียดนามก็จะเป็นคนที่ติดตามนะคะ คืองับตลอดเวลา...เอาแล้วยัง...ไม่ได้เหรอ...เอาไง...เอาเมื่อไหร่ คือจะเป็นคล้าย ๆ กับสิงคโปร์แต่ว่าความเป็นระบบนั้นสิงคโปร์จะชัดเจนมากเลย ดิฉันคิดว่าโชคดีที่มีโอกาสได้ทำงานกับเพื่อนหลากหลายชาติในอาซียน แล้วเราก็มีความรู้สึกว่าเราเองก็ต้องปรับตัวให้ดีขึ้น 

-มีชาติไหนในอาเซียนที่ใกล้เคียงเรามากที่สุด

มันใกล้เคียงไม่เหมือนกัน ถ้าใกล้เคียงกับเรามากที่สุดยังไงดีล่ะ ของเรามันจะผสม ๆดิฉันมีความรู้สึกว่าประเทศไทยเราเหมือนกับเพื่อนเขมรมากค่ะ อย่างฟิลิปปินส์เราก็เหมือน เราก็เน้นเรื่องของความมันส์ ความฮา ร้องเพลงนี่แบบเต้นใช่เลยคือเราแน่ ๆ แต่ฟิลิปปินส์ในขณะเดียวกันลักษณะความมันส์ ความเป็นเอนเตอร์เทนด์ของเขานี่ เขาก็เป็นคนที่ถามอะไรไม่มีเงียบ มีความคิดเห็นตลอดแต่ของไทยนี่ถึงเวลามันส์ ๆ แต่ถึงเวลางานถามความเห็นไม่มี  แต่ดิฉันชอบฟิลิปปินส์จะมีความน่ารัก

-ก็เลยทำให้ 1 ปีที่อยู่ตรงจุดนี้เปลี่ยนลุ๊คตัวเองมั้ย

ลุ๊คเหรอคะไม่รู้ว่าลุ๊คเปลี่ยนหรือเปล่า แต่วิธีคิด วิธีทำงาน วิธีมองอะไรต่าง ๆเปลี่ยนไปมาก ดิฉันถือว่าโชคดีแล้วที่ได้มีโอกาสได้ทำงานอะไรที่หลากหลายในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน ตอนเป็นครูอาจารย์ดิฉันก็มันส์นะแต่ไม่เท่านี้ 

-ประเด็นอาเซียน สำหรับประเทศไทยล่ะต้องปรับ

  คือถ้าถามว่าทันมั้ยดิฉันคิดว่าวันนี้เราไม่ได้รั้งท้ายที่โหล่หรอกนะคะ ดิฉันว่าเราเป็นฮับแล้วก็เป็นสปริงบอร์ดที่ดีในอาเซียน แล้วเราก็มีการเป็น Listding rold ในหลาย ๆเรื่อง เพราะฉะนั้นดิฉันคิดว่าเราไม่ใช่ไม่ทันล่ะค่ะเพียงแต่ว่าเราต้องพัฒนาจากตรงนี้ให้เหมาะสมกับพื้นฐานศักยภาพที่เรามีอยู่เดิม แล้วให้คงสเต็ปอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ดิฉันขอยกตัวอย่างเวียดนาม ถ้ามองในแง่ของการพัฒนาโดยภาพรวมเนี่ยเราก็พัฒนากว่าเพราะการเติบโตในบางสิ่งหลาย ๆ อย่างของเขานี่เขาเติบโตเร็วมาก มันอยู่ที่ว่าเราจะเลือกเส้นทางนี้อย่างไร แต่ถ้าเกิดดิฉันบอกว่าเราควรจะทำอย่างไร เราคิดว่างานนี้ไม่มีจำเป็นว่าต้องขึ้นบันไดขั้นที่ 1,2,3,4  สิ่งที่ไทยควรต้องทำ ต้องนั่งคิดนิ่ง ๆคิดอย่างเป็นระบบ คิดอย่างชาญฉลาด 20 ปีข้างหน้าไทยนั้นจะเป็นอะไร แล้วเราต้อง Invest วันนี้เลยคะเพราะว่ามิฉะนั้นสุดท้ายเราจะติดกับดักตัวเองว่า ทุกวันคือการแก้ปัญหาแต่ทุกวันไม่ใช่การสร้างโอกาสใหม่ แล้วทุกครั้งที่มี Policy สิ่งที่รัฐบาลต้องการที่สุดคือ Quick Win การพัฒนาไม่มี Quick Win นะคะ การพัฒนาคือการลงทุนเรื่องของเวลา เรื่องของคน อันนี้คือสิ่งที่อยากฝากไว้เลยคะ 

-นอกจากนี้ยังต้องมีเรื่องอื่นมั้ย 

เรื่อง “คน” นี่ล่ะคะ แต่คนนี่มันก็เริ่มจะไม่อยากพูดแล้วล่ะค่ะ เวลาเราเห็นคน บางทีเราเห็นคนอื่นบ่นเรื่องคนว่าเอ๊ะทำไมคนไทยไม่พร้อม เอ้าก็ดูแกก่อนมั้ยอ่ะแหกตาดูกระจกกันก่อนสักนิดนึง แต่จริง ๆเรื่องคนนี่สำคัญ เวลาดิฉันทำงานกับประเทศเพื่อนบ้านเชื่อมั้ยสิ่งหนึ่งที่ดิฉันพูดกับทีม “เอ้ยแกรีบทำงาน แล้วทำดี ๆ อย่าให้เสียชื่อประเทศไทยเห็นแก่หน้าประเทศไทยบ้าง” เราก็พยายามบอกทีมเราแบบนี้ทุกคนเหมือนกัน 

-สิ่งที่หลายคนกังวลว่าหลังเลือกตั้งทุกอย่างจะกลับไปเหมือนเดิม

ใช่คะ เรื่องนี้ดิฉันก็กลัวเช่นเดียวกัน 

-จนถึงที่สุดสิ่งที่รัฐบาลทำมาก็สูญเปล่า

ใช่คะสูญเปล่า คือการลงทุนด้านเวลาที่ผ่านไป 2-3 ปีก็จะสูญเปล่าเหมือนที่ผ่านมาคะ จากที่ได้ติดตามดร.สมคิดไปมอบนโยบายกระทรวงต่าง ๆเห็นได้ชัดว่าข้าราชการตามไม่ค่อยจะทัน ยังคิดเลยว่าถ้าเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ณ ตอนนี้รับประกันว่าประเทศชาติเราไปไกลเลย เหมือนมาผิดที่ผิดเวลามากเลยคะ เขายังงงอยู่ค่ะ ช่วงเวลานิ้คือการเดิมพันของประเทศ เวลาดิฉันมองคณะรัฐมนตรีนี่มีความรู้สึกว่าโอ้โหนี่เป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ของประเทศ ดิฉันมีความรู้สึกว่านี่คือคนที่เก่งมากนะคะ ระดับท็อปของประเทศอยู่ในที่เดียวกัน ณ เวลานี้  ไม่ใช่อย่างที่มีการเลือกตั้งเอาห่วย  ๆมาอะไรอย่างนี้ ไม่ใช่เอาแค่คนมีเงินมาเป็นรัฐมนตรี 

-คนส่วนใหญ่มักมองว่ารัฐบาลจะเอาอะไรมาให้ เลยเหมือนคนไทยนิสัยเสีย 

ใช่คะ จริงคะแล้วก็นั่งด่าแต่รัฐบาลอย่างเดียว ทุกอย่างมันน่าเหนื่อยแทน