ถอดพันธกิจชุบชีวิต “เอสเอ็มอี” รศ.ดร.ประเสริฐ ปิ่นปฐมรัฐ อธิการบดีมทร. ธัญบุรี (ตอน 1)

by ThaiQuote, 13 กรกฎาคม 2559

สำนักข่าว Thai quote จึงขอนำเสนอถึงเรื่องราวของ “มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ธัญบุรี”หนึ่งในหลายมหาวิทยาลัยที่มีบทบาทโดดเด่นสำหรับภารกิจครั้งสำคัญ โดยเราได้รับเกียรติจาก รศ.ดร.ประเสริฐ ปิ่นปฐมรัฐ อธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ธัญบุรี มาร่วมพูดถึงภารกิจสำคัญในครั้งนี้ ส่วนจะน่าสนใจสักแค่ไหนต้องติดตามกัน 

 -มหาวิทยาลัยมีบทบาทในโครงการเอสเอ็มอีของรัฐบาลยังไง 

จริง ๆแล้วโครงการช่วยเหลือเอสเอ็มอีภายใต้ราชมงคลเราทำกันมาเกือบ 20 ปีแล้ว เดิมทีเราทำกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมในโครงการ “เถ้าแก่น้อย”นั่นแหละคือบ่มเพาะเถ้าแก่น้อย ให้คนที่สนใจจะทำธุรกิจเข้ามาอบรมแล้วก็ทำแผนธุรกิจ แล้วเราไปวิเคราะห์ว่าเขาจะทำเรื่องอะไร ให้ความรู้เขา แล้วก็ส่งเสริมตั้งแต่เรื่องการผลิต แบรนด์ แพคเกจจิ้ง แล้วก็ช่องการตลาด แล้วก็ทำร่วมกับกรมส่งเสริมเหมือนกันแต่เป็นของกระทรวงมหาดไทยก็จะเป็นในรูปของการพัฒนาโอท็อป วันนี้เราก็ทำเป็นโอท็อปพรีเมี่ยมแล้ว ก็มีการไปเปิดร้านโอท็อปพรีเมี่ยมหลังทำเนียบรัฐบาลที่หนึ่ง เปิดแล้วนะครับเพิ่งจะเปิด ขณะนี้ไปเปิดอีกที่ในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัยก็มุ่งหวังที่จะเอาโอท็อปพรีเมี่ยมเข้ามาขาย ทำช่องการตลาดแล้วก็มาพัฒนาให้เป็นอุตสาหกรรมเอสเอ็มอี ฉะนั้นจริง ๆ แล้วราชมงคลทั่วประเทศนี่เราทำการพัฒนาธุรกิจ ตั้งแต่โอท็อปเอสเอ็มอีมาตลอด 

แต่ครั้งนี้นโยบายของท่านนายกรัฐมนตรีร่วมกับสสว. ต้องการพัฒนารูปแบบของการทำธุรกิจภายใต้เอสเอ็มอีกลุ่ม Start up บนพื้นฐานใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ก็เลยมาตรงกับนโยบายของราชมงคลทั้งหมดว่าเราผลิตทางสายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีนะครับ โดยเฉพาะเครื่องไม้เครื่องมือในมหาวิทยาลัย สิ่งประดิษฐ์ นวัตกรรม งานวิจัยของอาจารย์และเด็ก ทำยังไงถึงจะไปต่อยอดให้ได้เพราะว่าสิ่งที่มันเกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยนี่สามารถนำไปทำธุรกิจได้ แล้วก็ทำยังไงที่จะเอาประสบการณ์จากอาจารย์มหาวิทยาลัยไปเติมหรือไปช่วยเอสเอ็มอี นั่นแหละถึงเกิดเป็นที่มานะครับ 

จากประสบการณ์เดิม การเรียนการสอน จากองค์ความรู้ของอาจารย์ในมหาวิทยาลัย เราก็มาร่วมกับสสว. - เอสเอ็มอีแบงค์ และสมาพันธ์เอสเอ็มอีก็คือภาคธุรกิจด้วย เราก็ทำในกลุ่ม Start up นี่จำนวน 10,000 ราย เป็น 10,000 รายที่มีความสนใจเข้ามารับการอบรม เมื่ออบรมเสร็จก็จะให้อาจารย์เราเข้าไปพูดตัวต่อตัวหรือรายต่อรายว่าเขาอยากทำอะไร เขามีสินค้าอยู่แล้วจะทำยังไงในรูปแบบของการผลิต คุณภาพ ในเรื่องของแบรนด์ ในเรื่องของบรรจุภัณฑ์ แพคเก็จจิ้งแล้วก็เรื่องของราคา แล้วก็ช่องการตลาด 

ภายใต้เป้าหมายเราต้องการให้เกิดความสำเร็จที่  40 เปอร์เซ็นต์ คือ 4,000 ราย โดยการอบรมแล้วก็บ่มไปเรื่อยนะครับ บ่มเพาะให้ความรู้จนถึงเขาไปจดทะเบียนขึ้นทะเบียนการค้านี่ 4,000 รายในปีนี้ โดยแยกกันทำใน 9 ราชมงคล ขณะนี้ที่มทร.ธัญบุรีเราทำไปแล้วที่ 800 ราย กำลังจะให้ได้ถึง 1,200 ราย ก็เป็นที่มาซึ่งกลุ่ม Start up แล้วก็เป็นผลดีก็คือว่าจากการซึ่งเราลงไปทำนี่ ปีที่แล้วเราทำไปแล้ว 900 ราย จบไปแล้วในเครือข่าย แล้วก็กว่า 50 เปอร์เซ็นต์สามารถจะรันธุรกิจของเขาได้ แล้วเขาก็มีเครือข่ายระหว่างอาจารย์ SMEs แล้วสิ่งหนึ่งซึ่งน่าภูมิใจก็คือว่าวันนี้เขามีเครือข่ายระหว่างผู้อบรมด้วยกัน เขาช่วยเหลือแล้วเขาคุยกันได้ทุกวัน วันละหลาย ๆรอบ เราก็ใช้สิ่งที่เป็นความสำเร็จจากปีที่แล้วและสิ่งซึ่งจะต้องปรับปรุงในปีที่แล้วมาระดมในการทำครั้งนี้ก็เชื่อว่ากลุ่ม Start up ที่ยืนอยู่แล้วมีความเข้มแข็งเป็นกลุ่มขนาดใหญ่ได้ นี่ต้องทำบนพื้นฐานที่จะต้องใช้มาตรฐานหรือจะต้องใช้วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีในการเข้าไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ 

ประการที่สอง เขาจะต้องมีที่ปรึกษา โดยที่ปรึกษาในครั้งนี้คืออาจารย์จากมหาวิทยาลัย ที่ปรึกษาจากภาคเอกชนจากสมาพันธ์เอสเอ็มอีนะครับ การทำธุรกิจที่คิดคนเดียว ทำคนเดียวไปถึงจุด ๆหนึ่งมันจะตัน แล้วประการที่สาม ที่ปรึกษาจากเพื่อนร่วมรุ่นที่ในกลุ่มจากเคยทำการค้าแล้วก็ปิดเป็นความลับ ต่างคนต่างทำเขาก็มาช่วยกันนะครับ เชื่อมั้ยว่าบางเรื่องเนี่ยเป็นเรื่องง่าย ๆ เขาสามารถจะลดต้นทุนได้เช่นคนอยู่ต่างจังหวัด เรื่องการซื้อวัสดุ ขวด วัสดุในอื่น ๆบางทีเพื่อนร่วมรุ่นซื้อได้ถูกกว่า ต้นทุนเขา 4.50 บาทวันนี้ต้นทุนวัสดุที่ถูกกว่าเกือบ 2 บาทนี่ทำให้เขาอยู่ได้ บางทียังไม่ได้ทำอะไรนะครับก็เป็นกลุ่มสตาร์ทอัพที่เราได้ดำเนินการ

นี่แค่คำถามเดียวและคำถามแรกยังมีสาระที่ชวนให้ได้ติดตามกันต่อ อดใจไว้ตามกันต่อในตอนหน้าเพราะยังมีสาระที่น่าสนใจอีกมากมาย สำหรับภารกิจครั้งสำคัญของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ธัญบุรี ที่เราได้ฟังจากปากของอธิการบดีคนเก่งในการนำพามหาวิทยาลัยก้าวสู่การเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำ ในการช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอี และการผลิตบุคคลการป้อนสู่ตลาดวิชาชีพ แล้วพบกันใหม่ในตอนหน้ากับรศ.ดร.ประเสริฐ ปิ่นปฐมรัฐ


ที่มา :Thaiquote