ชำแหละเหตุและผล ทำไมกุมารแพทย์จึงค้าน ร่างพ.ร.บ.ควบคุมส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก

by ThaiQuote, 4 มีนาคม 2560

หลายคนสงสัยว่าทำไมกุมารแพทย์จึงออกมาค้านร่าง “พ.ร.บ.ควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก” ในฐานะที่เป็นกุมารแพทย์มาเกือบห้าสิบปีและเคยเป็นประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยและนายกสมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ได้รับรายงานจากสมาชิกมาโดยตลอด โดยสรุปแล้วกุมารแพทย์ทุกคนสนับสนุนการให้เด็กกินนมแม่อย่างเดียวโดยเฉพาะในช่วง 4 ถึง 6 เดือนแรกของชีวิตทุกคนทราบดีว่านมคนเหมาะสำหรับคน ได้มีความพยายามทำนมผสมให้คล้ายนมคนให้มากที่สุดในกรณีที่เด็กไม่สามารถกินนมแม่ได้ อย่างไรก็ตามของเทียมไม่มีทางดีเท่าของจริง ข้อดีของนมแม่เช่นลดอัตราการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจและระบบทางเดินอาหาร โรคลำไส้เน่า โรคภูมิแพ้ โรคมะเร็งเม็ดโลหิตขาว โรคอ้วนและโรคเบาหวานของเด็ก แต่ข้อมูลเหล่านี้เป็นผลการศึกษาของเด็กที่กินนมแม่ในช่วง 6 เดือนแรกของชีวิตเทียบกับเด็กที่ไม่ได้กินนมแม่ กุมารแพทย์เราไม่สนับสนุนให้เด็กกินอาหารอื่นเช่นน้ำส้มคั้น กล้วย ข้าวเหนียว เนื้อสัตว์ ในช่วง 4 หรือ 6 เดือนแรกของชีวิตเนื่องจากมีโอกาสติดเชื้อมากเพราะผนังลำไส้ยังเจริญไม่เต็มที่และระบบภูมิคุ้มกันยังไม่ดี นมแม่ถ้าจะให้ดีต้องกินจากเต้าถ้าบีบใส่ขวดก็มีโอกาสปนเปื้อนเชื้อโรคได้ การเอานมแม่มาแช่แข็งในตู้เย็นก็จะทำให้เม็ดเลือดขาวตาย คุณสมบัติหลายอย่างจะลดลงโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการแช่แข็งแล้วละลายออกหลายครั้งหรือเก็บไว้นาน การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวช่วง 6 เดือนแรกในประเทศไทยได้เพิ่มจาก 5.4 % ในปี พ.ศ.2548 เป็น 12.3% ในปี พ.ศ. 2555 ความจริงสูงกว่านี้มากเท่าที่กุมารแพทย์ไปสังเกตผู้ทำวิจัยพบว่า ถ้ามารดาให้เด็กกินน้ำแม้เพียงหนึ่งครั้งก็ถือว่าไม่ได้กินนมแม่อย่างเดียวแล้ว ถึงแม้ว่าการกินนมก็ได้น้ำอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องกินน้ำแต่บางครั้งอากาศร้อนมากมารดาอาจให้ลูกดื่มน้ำเพียงช้อนเดียวไม่น่าจะมีผลเสียอย่างไร เพราะในสหรัฐเขาแนะนำให้ดื่มน้ำได้เป็นครั้งคราวแต่เจ้าหน้าที่ของไทยเข้มงวดมากขาดความยืดหยุ่น ถ้ากินอะไรนอกเหนือจากนมแม่แม้เพียงครั้งเดียวก็ถือว่าตกไม่ได้กินนมแม่เพียงอย่างเดียว หลังจากอายุ 6 เดือนไปแล้วเด็กจะต้องกินอาหารเสริม ในอดีตเมื่อประมาณห้าสิบปีก่อนในช่วง 6เดือนแรกของชีวิตเด็กไทยกับเด็กอเมริกันตัวไม่ต่างกัน แต่หลังจาก 6 เดือนไปแล้วเด็กอเมริกันตัวใหญ่กว่าเด็กไทยมากเพราะเด็กไทยไม่ได้อาหารเสริมที่ถูกต้อง ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองคนญี่ปุ่นตัวเตี้ยกว่าพวกฝรั่งมากแต่เขาสังเกตว่าคนญี่ปุ่นในประเทศญี่ปุ่นสมัยนั้นตัวเตี้ย แต่คนญี่ปุ่นในสหรัฐฯตัวสูงเขาพบว่าไม่ได้เกี่ยวกับพันธุกรรมแต่เกิดจากการกินอาหารที่ต่างกัน เขาปรับเรื่องอาหาร กินนมมากขึ้นทำให้ปัจจุบันคนญี่ปุ่นตัวสูงขึ้น คนไทยปัจจุบันก็เริ่มตัวสูงขึ้นเราคงไม่อยากให้คนไทยตัวเตี้ยเหมือนในอดีต การศึกษาที่จังหวัดน่านทางภาคเหนือ ขอนแก่นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กาญจนบุรีในภาคตะวันตก สงขลาในภาคใต้และในกรุงเทพฯพบว่าเด็กที่กินนมแม่นานกว่า 1 ปีมักจะตัวเตี้ย เมื่อเทียบกับมาตรฐานขององค์การอนามัยโลกมากกว่าเด็กที่กินนมแม่น้อยกว่า 1 ปี การศึกษาทำในประเทศไทยตีพิมพ์ในวารสารต่างประเทศ ได้มีการเสนอเรื่องนี้ในการประชุมกุมารแพทย์ของยุโรปเมื่อปีที่แล้วแต่คนไทยไม่รู้ ผลการศึกษาในคนไทยจะต้องให้คนไทยทราบและนำมาแก้ไข เหตุที่กินนมแม่นานแล้วตัวเตี้ยเพราะเด็กที่ติดนมแม่จะไม่ยอมกินอาหารอื่น ชอบดูดนมแม่ไม่ชอบดื่มจากถ้วยหรือกินจากช้อน คุณค่าและปริมาณของนมแม่ลดลงไม่เพียงพอเพราะนมที่เป็นอาหารหลักใน 6 เดือนแรกกลายเป็นอาหารเสริมธาตุเหล็กที่แม่ให้มาในตับจะถูกใช้หมดใน 6 เดือน เด็กจะต้องได้ธาตุเหล็กที่นมแม่มีไม่พอ นมแม่ยังขาดแร่สังกะสี วิตามินดีและแคลเซียม ที่สำคัญมารดาต้องไม่ขาดอาหารและวิตามินเพราะถ้ามารดาขาดเด็กจะขาดด้วย ความจริงนมแม่ก็มีปัญหาหลายอย่างที่กุมารแพทย์ไม่กล้าบอก เช่นเด็กกินนมแม่มักจะมีอาการตัวเหลือง (Breast milk jaundice)ในระยะแรก เด็กที่กินนมแม่บางครั้งมาด้วยอาการเลือดออกในสมองและอวัยวะต่าง ๆ (acquired prothrombin complex deficiency) จากการที่นมแม่ขาดวิตามินเค ปัจจุบันเราแก้ไขได้โดยการฉีดวิตามินเคให้แก่เด็กแรกเกิดทุกคน เชื้อไวรัสหลายชนิดรวมทั้งสารพิษและยาหลายอย่างที่แม่รับประทานสามารถผ่านมาทางน้ำนมของแม่ได้ บางครั้งทารกไม่สามารถกินนมแม่ได้เพราะนมแม่มีไม่พอ แม่ป่วยเป็นโรคติดต่อ แม่ที่ได้ยาเคมีบำบัด แม่ต้องเดินทางไม่สามารถเอาลูกไปได้ เด็กจำเป็นต้องได้นมผสมแทน หรือได้นมจากธนาคารนมซึ่งจะต้องผ่านขบวกการฆ่าเชื้อและตรวจสอบว่าปลอดภัย เด็กบางคนป่วยเป็นโรคภูมิแพ้หรือโรคทางพันธุกรรมที่กินนมปรกติไม่ได้ ร่างกฎหมายห้ามการสนับสนุนทางวิชาการแก่แพทย์และบุคลรากรทางการแพทย์ทั้งๆที่ความรู้ใหม่มีตลอดเวลา การควบคุมการให้อาหารเสริมและนมควรทำในช่วง 1 ปีแรก การโฆษณาถ้าไม่เป็นความจริงควรลงโทษซึ่งกฎหมายมีอยู่แล้ว เพราะเป็นเรื่องเปิดเผย ประชาชนจะได้รู้สิ่งที่ถูกต้องแต่ถ้าเราปิดบังประชาชนจะไปหาความรู้จากสื่อทางสังคมเช่น Line, Facebook ซึ่งไม่มีการกลั่นกรองความถูกต้อง และควบคุมยาก ถ้าประชาชนไม่มีความรู้ก็จะถูกหลอกได้ง่าย เราควรให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่ประชาชนให้มากที่สุดเพื่อเป็นภูมิคุ้มกันจากการถูกหลอก เป็นเสรีภาพของประชาชนที่จะต้องเข้าถึงข้อมูล เมื่อประชาชนมีความรู้เขาจะคิดได้เองว่าบุตรเขาควรได้อาหารอย่างไรจึงจะเหมาะสมกับความเป็นอยู่ของเขา เราไม่ควรปิดกั้นความคิดของประชาชน เราควรเปิดโอกาสให้ประชาชนมีเสรีภาพในการเลือกอาหารที่เหมาะสมสำหรับบุตรหลานของเขา หลักเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลกในปีค.ศ. 1981 เป็นที่ยอมรับของทุกประเทศทั่วโลกแต่ข้อเสนอแนะขององค์การอนามัยโลกซึ่งเสนอโดยกลุ่มประเทศแอฟริกา ลาตินอเมริกาและไทยในปี ค.ศ. 2016 ไม่ได้มีมติเอกฉันท์ ประเทศที่พัฒนาแล้วไม่ยอมรับเพราะขาดข้อมูลการศึกษาที่ดีมาสนับสนุน ขัดกับข้อตกลงของการค้าโลก การร่างก็ไม่โปร่งใส ที่ประชุมให้แต่ละประเทศไปทำกันเอง การให้นมแม่นานเป็นเรื่องจำเป็นของหลายประเทศในแอฟริกา เพราะนมแม่ปลอดภัยที่สุดถ้ากินอาหารอื่นหรือนมผสมจะติดเชื้อตายหมด เนื่องจากขาดน้ำสะอาด ระบบการสุขาภิบาลยังไม่ดีพอ ประชาชนยังยากจน เราคงไม่สามารถบังคับให้เด็กในยุโรป สหรัฐฯ ญี่ปุ่น สิงค์โปร กินอาหารเหมือนแอฟริกา ปัญหามีอยู่ว่าประเทศไทยยังควรตามแอฟริกาหรือไม่ ประเทศสิงคโปร์มีเด็กกินนมแม่อย่างเดียวถึง 6 เดือนเพียงร้อยละหนึ่งแต่เขาไม่ได้เดือดร้อน เพราะเขาเน้นผลสุดท้ายว่าเด็กเขาแข็งแรง สุขภาพดี ฉลาด เขาไม่ต้องการมาแข่งว่ากินนมแม่ได้ร้อยละเท่าไรเหมือนประเทศไทยซึ่งเน้นแต่ขบวนการแต่ไม่ดูผล สุดท้าย สิ่งที่ต้องตอบคือเมื่อออกพ.ร.บ.ฉบับนี้ออกมาใช้แล้วจะทำให้เด็กไทยมีสุขภาพดี แข็งแรง สูงใหญ่และฉลาดกว่าเดิมหรือไม่ บางคนบอกว่าการกินนมแม่ประหยัดเพราะไม่ต้องซื้อ ความจริงไม่มีใครรวยได้จากการประหยัดอย่างเดียว แต่คนที่รวยเกิดจากการหารายได้เพิ่มขึ้นทั้งสิ้น
Tag :