ในที่สุดการเดินทางก็มาถึงบทสรุปที่ว่า “แจส” ไม่สามารถดำเนินการในเรื่องนี้ได้ทันเวลาเมื่อ นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการกสทช. แถลงข่าวภายหลังกำหนดเส้นตาย 16.30น. ของวันนี้ (21 มี.ค.) ว่าการประเมินความเสียหายจะมอบให้อนุกรรมการที่ปรึกษาด้านกฎหมายเข้ามาพิจารณาเพื่อให้เกิดความชัดเจน ทั้งการดำเนินคดีและการคำนวณค่าเสียหาย โดยข้อสรุปจะนำเสนอยังคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) พิจารณาต่อไปในวันพุธนี้ จากนี้ไปกสทช.ก็จะยึดหลักประกันทางการเงินจำนวน 644 ล้านบาท ทั้งนี้ ผลความเห็นบอร์ดกทค. จะสรุปแนวทางและนำเสนอเรื่องไปยังนายกรัฐมนตรีเพื่อวินิจฉัยแนวทางว่าจะดำเนินการอย่างไร

          ด้านพ.อ.เศรษฐพงศ์ มะลิสุวรรณ รองประธานกสทช.เปิดเผยว่า กทค.ได้วางแนวทางกรณีผู้ชนะการประมูลแต่ไม่ชำระเงิน โดยเห็นว่าหากจะมีการประมูลรอบใหม่ราคาประมูลจะต้องกำหนดเริ่มโดยราคาที่ผู้ชนะประมูลได้ไป การประมูลใหม่จะไม่ตัดสิทธิผู้ชนะการประมูลครั้งที่แล้ว หากจัดประมูลแล้วไม่มีผู้สนใจเข้าประมูลจะเก็บคลื่นความถี่ไว้ไม่น้อยกว่า 1 ปี โดยเมื่อนำมาประมูลใหม่ราคาประมูลเริ่มต้นจะต้องไม่ต่ำกว่าราคาที่ชนะการประมูลครั้งที่แล้ว สำหรับผู้ไม่มาจ่ายเงินจะมีการเรียกร้องค่าเสียหายและตรวจสอบการดำเนินการในธุรกิจของผู้ชนะประมูลทั้งด้านการให้บริการโทรคมนาคมและกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ กทค.ต้องระมัดระวังในการดำเนินการ หลักการของกทค.จะต้องไม่ทำให้ประเทศสูญเสียทั้งรายได้และการให้บริการประชาชน

ขณะที่นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า บริษัทจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ แจส ต้องให้ข้อมูลเนื่องจาก ตลท.จะต้องนำข้อมูลชี้แจงกับนักลงทุน