ธอส. พร้อมดูแลที่อยู่อาศัยผู้สูงอายุและปชช.ทุกกลุ่ม

by ThaiQuote, 19 มิถุนายน 2560

นายฉตัรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า หลังจากธนาคารพาณิชย์เข้มงวดการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยด้วยการกำหนดรายได้ขั้นต่ำเพิ่มเป็น 25,000 - 30,000 บาทต่อเดือน และกำหนดเงื่อนไขอื่นเพิ่มเติมทำให้ชาวบ้านหันมาพึ่งพาสินเชื่อโครงการบ้านธอส.สานรัก ซึ่งคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.99 ช่วง 2 ปีแรก นับว่าลูกค้าสนใจจำนวนมาก จึงได้เพิ่มวงเงินสินเชื่อจาก 8,000 ล้านบาทเป็น 20,000 ล้านบาท และเพิ่มอีกเป็น 40,000 ล้านบาท และยังได้ปรับเงื่อนไขดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 3 เพิ่มยอดเงินกู้ต่อรายจาก 2 ล้านบาทต่อรายเป็น 3 ล้านบาทต่อราย  คาดว่าจะประกาศได้ในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ หลังจากสินเชื่อบ้าน “FOR HOME” โครงการล่าสุดคิดอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีต่ำสุดเพียงร้อยละ 3.43 ต่อปีและยกเว้นค่าธรรมเนียมการยื่นกู้และค่าจดทะเบียนจำนอง ซึ่งกำลังได้รับความสนใจจากประชาชนทั่วไปเป็นอย่างมาก  และยังเปิดทางให้รีไฟแนนซ์เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายดูแลประชาชนทุกกลุ่มทั้งระดับล่าง ระดับกลางพึ่งพาสินเชื่อที่อยู่อาศัย 

ส่วนโครงการดูแลที่อยู่อาศัยรองรับสังคมวัยชรา หลังจากได้ออกสินเชื่อไปก่อนแล้วด้วยการให้ลูกกตัญญูสำหรับคนทำงานกู้เงินเงื่อนไขผ่อนปรน และให้บิดามารดาอยู่อาศัยด้วยกัน วงเงิน 10,000 ล้านบาท เมื่อกฎหมายของธอส.ผ่านสภา สนช.จะปล่อยสินเชื่อใหม่เพิ่มเติม โดยคิดดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 ในช่วง 4 ปีแรกวงเงิน 5,000 ล้านบาทขณะนี้ได้ประสานให้จุฬาฯศึกษาโมเดลการสินเชื่อผู้สูงอายุ นอกจากนี้ยังหารือกับการเคหะฯส่งเสริมการปรับปรุงที่อยู่อาศัยเช่นบ้านริมคลอง และสร้างที่อยู่อาศัยใหม่นำร่องในจังหวัดปัตตานี ทั้งบางละมุง และแฟลตดินแดง

สำหรับแผนดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง ยังคงเดินหน้าปล่อยสินเชื่อเนื่องจากทั้งปีตั้งเป้าหมายปล่อยสินเชื่อใหม่ 168,000 ล้านบาท คาดว่าทำได้ตามเป้าหมาย  ส่วนการดูแลหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ภายในปีนี้ให้ได้ร้อยละ 4.86 จากปัจจุบันร้อยละ 5.06  จึงเตรียมขายหนี้เสียไปให้เอกชนรับไปบริหาร ขณะนี้มีผู้สนใจแล้ว 5 ราย และเมื่อควบคุมหนี้ NPL ได้จึงกำหนดเป้าหมายกำไรสุทธิทั้งปี 10,115 ล้านบาท จากเดิมกันเงินไว้ตั้งสำรอง 1,000 ล้านบาท

ส่วนนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาลที่ได้เน้นนำเครื่องชำระเงินงวดอัตโนมัติ ( LRM ) เพื่อเปิดให้ลูกค้าชำระหนี้ผ่านเครื่องอัตโนมัติ ลดเวลาขั้นตอนการชำระเงินจากเวลา 3 นาทีต่อรายการลดเหลือเพียง 1 นาที หวังดึงการใช้บริการผ่านเคาน์เตอร์ร้อยละ 70  ของการทำธุรกรรมผ่านแบงก์ให้ได้ครึ่งหนึ่ง จากเดิมสัดส่วนการชำระเงินผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิสร้อยละ 18 ชำระผ่านแบงก์ใหญ่ 5 แห่ง สัดส่วนร้อยละ 12 และสัดส่วนร้อยละ  70  ผ่านเคาน์เตอร์ของธอส. เพื่อขยายการติดตั้งจาก  10 แห่งเพิ่มเติม 50 แห่งภายในปีนี้ เพิ่มเป็น 100-200 แห่งภายในปีหน้า เน้นตามจุดห้างสรรพสินค้า รถไฟฟ้าใต้ และย่านธุรกิจ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า หวังปรับบุคคลากรจากให้บริการทางการเงินเปลี่ยนไปให้บริการสินเชื่อ

นายฉัตรชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลการดำเนินงานสิ้นสุด ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2560 ธนาคารฯสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่รวมได้ 163,382 ล้านบาท โดยมียอดสินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้นเป็น 947,819 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 6.60 เงินฝากรวม 802,937 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.04 มีสินทรัพย์รวม 994,721 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.25 โดยมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 50,872 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 5.37 ของยอดสินเชื่อรวม และมีกำไรสุทธิ 4,981 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.32 ซึ่งภาพรวมของผลการดำเนินงานที่ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตามมั่นใจว่าในปี 2560 จะสามารถการปล่อยสินเชื่อใหม่ ได้ตามเป้าที่วางไว้ที่ 178,224 ล้านบาท

Tag :