ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป็นประธานการตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการทำงานแก่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) หน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องกับภาคธุรกิจท่องเที่ยวว่าได้สั่งการให้ททท.ไปหารือกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทยรวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมทำงานแบบบูรณาการ เพราะถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยต้องเดินหน้ากับนโยบายกระจายรายได้ภาคการท่องเที่ยวอย่างจริงจัง เพราะด้วยปัจจุบันจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มากกว่า 30 ล้านคนจำเป็นต้องมีนโยบายให้กระจายนักท่องเที่ยวไปยังเมืองรองมากขึ้น อย่างไรก็ตามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องพิจารณาแนวโน้มนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น พร้อมกับหาแผนรองรับทั้งระยะสั้นและระยะยาวด้วย

          “ตอนนี้ทั้งททท.สายการบินและผู้ประกอบการท่องเที่ยว ตลอดจนหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องต้องวางแผนทั้งระยะสั้น ระยะยาว อะไรที่สามารถทำได้เลยก็ควรเร่งดำเนินการ โดยเฉพาะเรื่องคมนาคมขนส่งที่เห็นว่าทำได้เลย อย่างการพัฒนายกระดับสนามบินในหลาย ๆ สนามบิน เช่นสนามบินที่น่านมีอยู่แล้ว แต่คนไม่ไปเที่ยวแพร่เป็นเพราะอะไร ตรงนี้ก็ต้องกลับไปทำการบ้าน พัฒนาเส้นทางรวมถึงการขนส่งระหว่างเมืองท่องเที่ยวรองให้เชื่อมโยงถึงกันได้ง่ายยิ่งขึ้น พร้อม ๆกับการทำตลาดที่ผ่านมายังไม่เคยเห็นการคิดรวบยอดจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน หรืออย่างการขยายสนามบินในหลายพื้นที่ควรมีมานานแล้วแต่ที่ไม่ยอมทำเป็นเพราะอะไร เพราะยิ่งกระจายรายได้มากเท่าใดก็เป็นการช่วยภาคเกษตรได้มากเท่านั้น เพราะตอนนี้ภาคเกษตรกำลังลำบาก”

ดร.สมคิดกล่าวและว่า นอกจากนี้ยังเห็นว่าธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทยหรือเอสเอ็มอีแบงค์ตลอดจนธนาคารออมสินควรเข้ามาช่วยเกษตรกร เพราะกลุ่มนี้ต้องการเงินน้อยและไม่เบี้ยวหนี้แต่เพียงเข้าถึงสินเชื่อได้ยากเราต้องช่วยเหลือเขา อย่างไรก็ตามในส่วนภาคการท่องเที่ยวที่จะช่วยเหลือภาคเกษตรได้ด้วยนั้นทางกระทรวงการคลังก็ยินดีสนับสนุนสิทธิประโยชน์ด้านภาษี โดยให้ ททท.รวมถึงผู้ประกอบการกลับไปคิดมาตรการพร้อมหาข้อสรุป เพื่อผลักดันรายได้กลับมาให้พิจารณาภายใน 2 สัปดาห์

          ขณะที่นายกลินทร์ สารสิน ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) ททท.กล่าวว่าในที่ประชุมดร.สมคิดได้มอบหมายนโยบายให้กับตัวแทนหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเน้นย้ำในเรื่องการกระจายรายได้จากภาคการท่องเที่ยวไปสู่ชุมชนมากยิ่งขึ้น เพราะปัจจุบันท่องเที่ยวถือเป็นปัจจัยหลักในการสร้างรายได้ให้กับประเทศ แต่จะทำอย่างไรให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปท่องเที่ยวเมืองรอง ซึ่งดร.สมคิดยังย้ำในที่ประชุมเรื่องการคมนาคมขนส่งโดยเฉพาะการพัฒนาสนามบินที่ยังไม่ได้ยกระดับเป็นสนามบินพาณิชย์ ให้เชื่อมโยงในทิศทางเดียวกันกับระบบขนส่งทางบก และรถไฟ เพราะเมื่อการเดินทางระหว่างเมืองรองง่ายขึ้น โอกาสจูงใจนักท่องเที่ยวไปเที่ยวเมืองเหล่านี้ก็จะมีสูงขึ้น

          ทางด้าน นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า นโยบายของดร.สมคิดคืออยากให้เร่งพัฒนาสนามบินในเมืองรองที่ยังมีรันเวย์สั้นกว่า 2100 เมตร ให้สามารถตอบโจทย์สามารถรองรับสายการบินเชิงพาณิชย์ขนาดกลางขึ้นไปมากขึ้น การให้สิทธิประโยชน์เรื่องการลดหย่อนภาษีกับองค์กรภาคเอกชน ที่ไปจัดสัมมนาตามแหล่งท่องเที่ยวเมืองรองเพื่อให้เกิดแรงจูงใจท่องเที่ยวภายในประเทศเหล่านี้ ททท.เองก็ต้องกลับมาพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยว เพื่อให้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวมากที่สุด ตลอดจนพัฒนาเรื่องการเดินทาง และสิทธิประโยชน์ที่นักท่องเที่ยวจะได้รับ

          “ในที่ประชุมสายการบินไทยแอร์ เอเชีย มีการพูดถึงจะเปิดเส้นทางบินไปยังสนามบินหัวหิน ตรงนี้ก็ต้องไปดูว่าสนามบินสังกัดกับหน่วยงานใด อย่างถ้าเป็นของบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือ ทอท.หรือเป็นของกรมท่าอากาศยาน ก็ให้ไปต่อรองว่าพอจะมีค่าใช้จ่ายอะไรที่ประหยัดช่วยเหลือสายการบินในช่วงทำการบินเบื้องต้นได้หรือไม่เพราะอยากให้คิดแบบธุรกิจมากกว่าคิดแบบราชการ เพื่อให้ผลประโยชน์กลับคืนมาในระยะยาว” นายยุทธศักดิ์กล่าว