เรายังขอให้ทางญี่ปุ่นมาช่วยเรา เรายังขอความร่วมมือให้จีนยกระดับพัฒนาอุตสาหกรรมของเราด้วยเทคโนโลยีเหล่านี้ เราจะเน้นโดยขอไปเลย ผมเรียนทางท่านทูตจีนมาแล้วท่านก็อยู่ในที่นี้ว่าสิ่งที่เราต้องการจากจีนนั้นไม่ใช่แค่รถไฟเราต้องการเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจกับท่าน หุ้นส่วนเศรษฐกิจนั้นมีมากกว่ารถไฟเป็นไหน ๆ ฉะนั้นสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เราต้องการ มาช่วยกันมาร่วมพัฒนากับเรา

แต่สิ่งที่ผมอยากให้เกิดมาก ๆก็คือนักรบพันธุ์ใหม่ของคนไทย เป็น New Startup ซึ่งมีความรู้ในเทคโนโลยี มีศักยภาพที่จะสามารถแข่งในระดับโลกได้ การค้าการขายในอนาคตข้างหน้า Business model เปลี่ยนหมดแล้ว มันไม่ใช่แค่ว่าผลิตเสร็จ ส่งออกแค่นั้นจบ ไม่ใช่ ธุรกิจอย่างเช่น Alibaba ของจีนมาทีเดียวเท่านั้นเองเอสเอ็มอีมีความหวังเลย เพราะในโลกข้างหน้ามันไม่จำเป็นจะต้องซื้อขายแบบ Physical ตลาด e - commerce มันมหาศาลทีเดียว ผมอุตส่าห์ไปขอโมเดิร์นมาใช้ชื่อ Thailand Best เพื่อจะสร้างระบบที่ใหญ่แล้วให้เอสเอ็มอีมาเกาะแล้วโปรโมทตรงนี้ไปต่างประเทศ บริษัทเล็ก ๆสินค้าจากเอสเอ็มอีทั่วโลกจะเชื่อใจได้ยังไง เขาไม่เชื่อมั่นฉะนั้นเราต้องสร้างความเชื่อมั่นว่าเฉพาะเอสเอ็มอีที่เป็นสินค้าคุณภาพจะมาอยู่ในพอร์ตหรืออีคอมเมิร์ทตัวนี้ แล้วก็สามารถจำหน่ายได้ทั่วโลก โดยการโปรโมทแบรนด์   Thailand Best

บริษัทอย่าง Alibaba นี่ผมอยากจะเจอมากเพราะว่าอยากจะเอาเอสเอ็มอีไทยไป hook ติดกับ e – commerce ของอาลีบาบา Business model ใหม่อย่างนี้ ถ้านักธุรกิจไทยยังคงงมงายอยู่กับสิ่งเก่า ๆ ต้นทุนแรงงานแพงขึ้นก็จะไปอยู่ตรงโน้นแรงงานถูกหน่อย ลักษณะอย่างนี้ภายใน 5 ปีพวกท่านจะจอดสนิท ไปไหนไม่ได้ ฉะนั้นมันถึงเวลาที่จะเปลี่ยนแปลงแล้ว รัฐบาลจะช่วยท่านเปลี่ยนแปลง ยกระดับตัวท่านเองขึ้นมาให้เป็นนักรบที่แท้จริงในอนาคตข้างหน้า แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือว่านักรบเศรษฐกิจข้างหน้านี่ มันจะต้องเป็น Gobal citizen คือทำอะไรทุกอย่างด้วยความรับผิดชอบต่อโลก อะไรที่มันทำให้สิ่งแวดล้อมเสียหายต้องเลิก  อะไรที่ไปใช้แรงงานทาส แรงงานเด็กต้องเลิกเพราะไม่ใช่ท่านเสียหายฝ่ายเดียว เมืองไทยเสียหายมาก ๆเลยจากภาพพจน์อันนี้

อะไรก็แล้วแต่ในอนาคตข้างหน้าที่จะซื้อขายกันถ้าลองผลิตจากโรงงานที่ใช้แรงงานเด็ก แรงงานทาส สร้างมลภาวะตัดไม้ทำลายป่า สินค้าเหล่านั้นจะขายไม่ได้เลยในโลก ฉะนั้นไอ้ประเภทที่ว่าตีหัวเข้าบ้านเราทำคนเดียวคนอื่นไม่รู้ เลิกซะนิสัย ถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลงใหม่ทุกอย่างในประเทศไทยรองรับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต ผมไม่ทราบผมมีเวลามากแค่ไหนในการทำสิ่งเหล่านี้แต่ผมรู้ว่าท่านนายกฯรักษาคำมั่นสัญญา ปีครึ่งเลือกตั้งผมเชื่อว่าเลือกตั้งแน่นอน แต่ว่าเรามีเวลานับถอยหลังมานี่ปีครึ่ง เราจะทำให้ได้มากที่สุด และถ้าหากว่าภาคเอกชนภาคประชาชนให้ความร่วมมืออย่างเยี่ยม ไม่อยากจะบอกว่า “ประชารัฐ” นี่สำคัญที่สุดถ้าเมื่อไหร่ผนึกร่วมกัน มองประโยชน์ประเทศเป็นที่ตั้ง การเมืองมันจะดีขึ้นทันที การที่จะมาทะเลาะเบาะแว้ง ปลุกปั่นใส่เสื้อสีมีตีกันมันจะหายไป เพราะเมื่อ 3 ฝ่ายมานั่งคุยกันแล้ว เขารู้ว่าประเทศมันต้องอยู่รอดไอ้เรื่องอื่นมาทีหลัง ถ้าประเทศไม่รอดพวกคุณก็ไม่รอด

การเมืองมันจะดีขึ้นถ้า 3 ฝ่ายนี้หันหน้าเข้าหากัน ส่งเสียงดัง ๆจนกระทั่งคนที่มีเจตนาที่ไม่ดีทั้งหลายจะไม่มีเสียงไปเลย คนไทยส่วนใหญ่นี่เก็บความรู้สึกส่วนตัวอยู่ในใจ ไม่แสดงออก พลังเงียบมีมหาศาล ถึงเวลาที่พลังเงียบเหล่านี้จะต้องออกมา สร้างพลังขจัดคอร์รับชั่น ให้คนที่โกงนั้นอยู่ไม่ได้ ให้บริษัทที่จ่ายเงินกับรัฐบาล จ่ายเงินกับข้าราชการอยู่ไม่ได้ ทุกวันนี้คุณชี้ได้เลยบริษัทไหนจ่าย คุณชี้ได้เลยรัฐมนตรีคนไหนคอรัปชั่น ท่านรู้อยู่หมดแต่ไม่พูดออกมาแม้แต่คำเดียว เสียงท่านหายไปไหน ฉะนั้นจากวันนี้เป็นต้นไปผมอยากฟังเสียงดัง ๆ       อย่าบอกว่าไม่ได้หรอกพูดไปแล้วเดี๋ยวเราเดือดร้อน เรายินยอมจ่ายใต้โต๊ะ คำพูดคำนี้นี่มันเป็นคำพูดที่ทำลายอนาคตลูกหลานของท่าน

ผมหวังว่าสิ่งที่ผมพูดในวันนี้ผมพูดจากใจนะครับ ผมไม่ใช่นักการเมืองแต่ผมรู้หน้าที่ของเราคืออะไร แล้วเราต้องทำงานร่วมกัน ทั้งพรรคการเมือง ภาครัฐบาล เอกชน นักการเมืองดี ๆมีเยอะมากเลยแต่กลไกการเมืองไทยนี่มันไม่เอื้อให้เขาสามารถยืนขึ้นมาได้เลย เพราะฉะนั้นเขาทำสิ่งที่เขาต้องการทำ ดีไม่ดี พรรคไม่รับรอง ฉะนั้นพวกท่านต้องพยายามบอกคนดี ๆคนที่สบายแล้วให้เข้าสู่การเมืองเมื่อมีการเลือกตั้ง เพราะถ้าการเมืองไม่มีคนดีเข้ามาสู่พรรคการเมืองเลือกตั้งไปก็ไร้ประโยชน์ คุณก็จะได้คนซึ่งมาแล้วไม่ทำอะไรเลย คิดเฉพาะช่วงสั้นว่าขอนโยบายง่าย ๆครั้งต่อไปคุณจะได้เลือกผม นโยบายที่เป็นการวางรากฐานระยะยาวมันจะไม่เกิด ฉะนั้นต้องเอาคนดี ๆเข้ามาเพื่อสร้างรากฐานในระยะยาว การเลือกตั้งถึงจะมีความหมาย ผมคงไม่ได้ขอมากเกินไป ผมก็ 62 เข้าไปแล้วก็อยากจะฝากทั้งหมดไว้กับพวกท่าน ขอบคุณมากครับ    

ที่มา : Thaiquote