ดีอี MOU หัวเว่ย พร้อมร่วมพัฒนา Big DATA สู่ Thailand 4.0

by ThaiQuote, 20 พฤศจิกายน 2560

พล.อ.อ.ดร.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยเรื่อง “ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนด้านการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัล เพื่อขับเคลื่อนนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ในครั้งนี้ เพื่อเป็นการขยายความร่วมมือด้านระบบคลาวด์คอมพิวติ้ง และด้าต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ และการพัฒนาบุคลากรช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจดิจิทัลของไทยก้าวไปข้างหน้าได้เร็วขึ้น รวมถึงช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตในหลาย ๆ ด้านของคนไทยให้ดีขึ้นอีกด้วย

          ทั้งนี้ความต้องการใช้งานในระบบ DATA Center  ของประเทศไทยนั้นจะมี 3 ด้านหลัก คือ 1.ข้อมูลและการเตือนภัยด้านภัยพิบัติ 2.การให้บริการข้อมูลสาธารณะต่อประชาชน ทั้งในด้านการประกอบอาชีพ คุณภาพชีวิต และอื่นๆ 3.การจัดเก็บข้อมูลของภาครัฐ

สำหรับ หัวเว่ยฯ ถือเป็นผู้จัดหาโซลูชั่นด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารชั้นนำระดับโลก โดยบทบาทการมีส่วนร่วมของหัวเว่ยในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ถือเป็นปัจจัยสำคัญของการสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลให้เติบโตทั่วโลก และเพื่อรองรับการขับเคลื่อนนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ควบคู่ไปกับการพัฒนาธุรกิจในภูมิภาคของหัวเว่ยให้เติบโตยิ่งขึ้น

         ขณะเดียวกัน หัวเว่ย เตรียมที่จะลงทุนสร้างคลาวด์ดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดยักษ์แห่งแรกของภูมิภาคในประเทศไทย ซึ่งบริษัทกำลังอยู่ในระหว่างการสำรวจและเลือกทำเลที่ตั้ง โดยขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงของการเร่งดำเนินการสร้างโครงสร้างพื้นฐานดาต้าเซ็นเตอร์ในเฟสแรก

        ด้าน ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยถึงการลงนามความร่วมมือกับภาคเอกชนครั้งใหม่ว่า การลงทุนของหัวเว่ย ในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) จะเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตด้านเศรษฐกิจดิจิทัลของไทย และช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ  ซึ่งหัวเว่ยได้แสดงความมุ่งมั่นในการเป็นพันธมิตรหลักของไทยในการจัดหาโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารของประเทศ รวมถึงเป็นบริษัทชั้นนำในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลของอุตสาหกรรมต่าง ๆ  และเป็นพันธมิตรที่พร้อมจะดำเนิน กลยุทธ์คลาวด์ (Cloud) และบิ๊กดาต้า (Big Data) ไปด้วยกัน

          ด้านรายละเอียดของการลงนามในครั้งนี้ ยังรวมไปถึงการจัดหาบริการที่ปรึกษาเพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมคลาวด์และบิ๊กดาต้าของไทย การขยายโอเพ่นแพลตฟอร์มเพิ่มเติม อาทิ โอเพ่นแล็บ และศูนย์นวัตกรรมโซลูชั่น CSIC ของหัวเว่ย การเร่งพัฒนาบุคลากรด้านไอซีที และการช่วยให้ธุรกิจสตาร์ทอัพและ SME ขยายตัวเติบโตได้ดียิ่งขึ้น

         ขณะที่ในส่วนของ มร. เฉียง หัว กรรมการผู้จัดการ หัวเว่ย ประเทศไทย ได้กล่าวว่า หัวเว่ยพร้อมที่จะสร้างไฮบริดคลาวด์เพื่อรองรับรัฐบาล รวมทั้งองค์กรขนาดใหญ่ ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) และผู้ใช้รายย่อยในประเทศไทย โดยการลงทุนครั้งนี้จะช่วยให้ทุกคนสามารถใช้เทคโนโลยีได้ดีขึ้น ทั้งบิ๊กดาต้า คลาวด์คอมพิวติ้ง อินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ (IoT) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยให้เติบโตก้าวหน้าขึ้น

Tag :