1.ลดปริมาณมื้ออาหาร คนอ้วนหรือคนลงพุงส่วนใหญ่มักมีมื้ออาหารมาก กินไม่ตรงเวลา กินจุบกินจิ๊บ สิ่งเหล่านี้เป็นพฤติกรรมในการเพิ่มปริมาณอาหารให้กับร่างกายเกินความจำเป็น ดังนั้นสิ่งแรกที่จะต้องปรับเปลี่ยนคือควรรับประทานอาหารให้ตรงเวลาและมีมื้อที่เท่ากัน โดยปรกติคนเรารับประทานอาหารวันละ 3 มื้อก็พอเพียงต่อร่างกายแล้ว

2.สร้างคุณภาพของอาหารที่รับประทานเข้าไปด้วยการรับประทานแป้งแต่พอสมควร ในอายุที่มากขึ้นปริมาณของแป้งควรลดลง ลดการรับประทานโปรตีนสัตว์ใหญ่หรือสัตว์ที่มีไขมันสูง เช่น เนื้อหมู สัตว์ทะเลบางชนิดที่มีปริมาณคอเลสเตอรอลสูง เช่น ปลาหมึก ควรรับประทานผักสด ผลไม้ ไข่ขาว รับประทานโปรตีนที่ย่อยง่ายเช่นปลา เป็นต้น

3.การออกกำลังกาย มีวิธีการออกกำลังกายหลายประเภทที่ช่วยในเรื่องของการลดหน้าท้อง สำคัญคือต้องทำอย่างสม่ำเสมอ และในแต่ละวัยก็จะมีวิธีในการออกกำลังกายที่แตกต่างกัน เช่นในวัยหนุ่มสาวที่ยังมีพละกำลังอยู่ ขอเสนอแนะวิธีการออกกำลังกายด้วยการซิทอัพ โดยเริ่มต้นจากจำนวนที่น้อยก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่มปริมาณมากขึ้น  เหตุผลที่การออกกำลังกายด้วยท่าซิทอัพได้ประโยชน์สูงสุดเพราะต้องมีการเกร็งหน้าท้องในขณะขึ้นลง ซึ่งจะมีการเบิร์นพลังงานออกจากร่างกายเป็นอย่างดี ส่วนคนที่สูงวัยขึ้นมาแนะนำการแกว่งแขนโดยต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่าครั้งละ 20-30 นาที วันละ 2 ครั้ง จะทำให้การไหลเวียนของน้ำเหลืองในร่างกายดี และช่วยในการเบิร์นไขมันให้กับร่างกายเช่นกัน

4.การนำน้ำแข็งหรือน้ำเย็นไปแช่บริเวณพุงจากการวิจัยของนักวิทยาศาสตร์โรงเรียนแพทย์  มหาวิทยาลัยเคนตักกี้ ได้นำเอาก้อนน้ำแข็งมาร้อยเป็นเข็มขัด คาดรัดไขมันตามหน้าท้อง หน้าแขน หน้าขา ทิ้งไว้ 30 นาที เพื่อที่จะใช้ความเย็นของน้ำแข็ง ในเผาผลาญพลังงาน และสลายไขมันที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนังหน้าท้องออกไป จากผลการวิจัยดังกล่าวเป็นที่น่าพอใจ

5.ศาสตร์ของชาวจีนโบราณคือการนวดคลึงบริเวณพุงไปมาไม่น้อยกว่า 20-30 นาที เพื่อเป็นการสลายไขมันออกจากร่างกายและยังเป็นการกระตุ้นให้อวัยวะภายในของร่างกายทำงานดีขึ้น สร้างการเผาผลาญให้กับร่างกายได้ดีขึ้นอีกด้วย

6.หนทางช่วยลดปริมาณไขมันส่วนเกินและช่วยให้พุงลดลงได้อีกทางหนึ่งคือสมุนไพร ส่วนสมุนไพรที่ช่วยในการลดความอ้วนมีหลายตัว แต่ที่หารับประทานได้ง่าย เช่น น้ำมะนาว ขมิ้นชัน พริก กระเทียม กระเพรา กระเจี๊ยบแดง ดอกคำฝอย เม็ดแมงลัก