ดร.สมฤดีชี้ “กลิ่น” อาวุธสำคัญในการตลาด

by ThaiQuote, 29 ธันวาคม 2560

ใครที่ติดตามรายละเอียดจะมองเห็นภาพที่ชัดเจนและเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อคนทำธุรกิจได้ไม่มากก็น้อยเลยทีเดียว ถึงตอนนี้เหลืออีก 2 หัวข้อสุดท้ายที่ดร.สมฤดีจะถ่ายทอดให้ฟังถึงสาระสำคัญ ขอเริ่มกันในหัวข้อที่ 4. การสร้างพลังอารมณ์ที่สัมผัสได้ด้วยกลิ่น “กลิ่นหอมยวนใจให้ความรู้สึกเร้าอารมณ์ที่สุด” ดร.สมฤดีระบุว่า ในสัมผัสทั้งห้ามิติ “กลิ่น”มีอิทธิพลจูงใจต่อกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด ในการวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่า ในประสาทสัมผัสทั้ง 5 นั้น กลิ่นหอมที่ถูกใจมีผลต่อการตัดสินใจของผู้ซื้อถึงกว่า 80 % ในขณะที่สัมผัสอื่นทั้งหมดมีอิทธิพลประมาณครึ่งหนึ่งของกลิ่น นักจิตวิเคราะห์พบว่าสัมผัสทั้ง 5 นั้น “กลิ่น” เป็นสัมผัสเดียวที่วิ่งตรงเข้าสู่สมองส่วนจำและส่วนคิดเร็วที่สุดโดยไม่มีการกรองเลย เพราะฉะนั้น “กลิ่น” จึงเป็นเสน่ห์ที่วิ่งเข้าไปสู่อารมณ์ตรงที่สุดและเร็วที่สุด ในทางจิตวิทยาไม่เพียงแต่มนุษย์จะจำเสียงและภาพได้ดี แต่ทันทีที่ได้กลิ่นเช่น กลิ่นธูป กลิ่นเทียน ประสาทสัมผัสจะส่งความรู้สึกทันทีว่าเกี่ยวกับเรื่องพระ เรื่องจิต เรื่องวิญญาณ เรื่องธรรมะ ด้วยเหตุนี้ในงานวัดหรือการไปไหว้พระเกจิอาจารย์ดัง กลิ่นที่คุ้นที่สุดคือกลิ่นธูปเทียนที่ตลบอบอวลแต่ทุกคนก็ไม่ถือกลับมองว่าเป็นเรื่องการย้อมใจให้นึกถึงความศักดิ์สิทธิ์ แต่ทันทีที่ได้กลิ่นน้ำอบไทยจิตก็อาจนึกไปถึงสงกรานต์ หรือการอาบน้ำศพ ซึ่งหอมวังเวง กูรูทางด้านเศรษฐศาสตร์การตลาดยังระบุว่า “ในทางการตลาดกลิ่นถือเป็นอาวุธสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าที่เกี่ยวกับอาหาร” การเดินไปตามถนนผ่านหาบเร่แผงลอย ซึ่งจะมีการย่างไก่ ทอดกล้วยแขก ย่างหมูสะเต๊ะ ตุ๋นขาหมู ทำให้อยากชิมอยากลอง เมื่อผ่านร้านกาแฟก็มีกลิ่นกาแฟหอมฉุย แม้ไม่ได้คิดอยากจะดื่มกาแฟมาก่อนก็อาจจะรู้สึกกระหายกาแฟขึ้นมาทันที ร้านอาหารดังๆไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น ร้านอาหารเกาหลี หรือร้านอาหารไทยก็จะมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ยิ่งอาหารไทยที่ใช้เครื่องจัด ๆเช่นผัดกะเพราสามารถส่งกลิ่นเชิญชวนไปไกลได้ถึงหลาย ๆร้านอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย แต่ทุกบ้านก็จะมีเอกลักษณ์ของตัวเองเช่น ใครที่นิยมกินสุกี้ เมื่อเดินเข้าไปในร้านสุกี้ MK ถึงแม้จะมีเมนูอาหารอื่นๆให้เลือกมากมาย แต่ก็อดใจไม่ไหวเมื่อได้กลิ่นสุกี้ร้อนๆ จากแทบทุกโต๊ะกำลังส่งกลิ่นหอมยั่วยวนใจ จนบรรดาสาวๆรู้กันว่าถ้าเข้าร้านสุกี้กลิ่นจะติดผมติดตัวกลับบ้านจนต้องสระผมทุกครั้ง แต่ทุกคนก็นิยมกินสุกี้ทั้งที่ชื่อนี้เป็นชื่อญี่ปุ่นแล้วคนไทยนำมาดัดแปลงจนคนญี่ปุ่นเองก็ยังงง แม้เมื่อไปเปิดร้านในประเทศญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นก็ยังชอบ ในการทำการตลาดสินค้าที่เกี่ยวกับกลิ่นหอม บรรดาผู้เชี่ยวชาญระดับโลกไม่ว่าจะเป็น IFF (International Fragrance and Flavor) หรือ Givadaun บริษัทเหล่านี้จะมีสูตรลับของน้ำหอมที่ส่งให้กับลูกค้ายักษ์ใหญ่ทั่วโลก ซึ่งสูตรดังกล่าวถือเป็นสูตรพิเศษที่คิดค้นขึ้นมาเพื่อลูกค้าโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น P&G, Unilever บรรดาผู้เชี่ยวชาญเรื่องกลิ่นหอมเหล่านี้ จะมีการแยกแยะกลิ่นหอมให้เหมาะกับอารมณ์กลุ่มเป้าหมายที่ลูกค้าหรือบริษัท ผู้ผลิตต้องการ กลิ่นที่เย้ายวนเสน่ห์ กลิ่นที่ Sexy กลิ่นหอมอย่างผู้ดี มีคลาส กลิ่นหอมที่ทำให้อดใจไม่ได้ เป็นการออกแบบอารมณ์ให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมายที่สำคัญ กลิ่นหอมดังกล่าวยังมีลีลาเหมือนท่วงทำนองเพลง กลิ่นแรกที่สัมผัสตามด้วยกลิ่นที่สอง เป็นเหมือนวาทยากรที่กำหนดทิศทางได้อย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งทุกคนต่างก็จะเก็บความลับของตนไว้อย่างเคร่งครัด จึงไม่ต้องแปลกใจที่ราคาน้ำหอมจะมีตั้งแต่ระดับชาวบ้านขวดละร้อยกว่าไปจนถึงราคาขวดละหมื่นบาท ก็เนื่องมาจากเคล็ดลับในเรื่องกลิ่นนี่เอง รวมถึงแบรนด์และคุณค่าของแบรนด์ที่อยู่ในใจผู้ซื้อด้วย ซึ่งวัดไม่ได้ที่ราคา แต่อยู่ที่การสร้างความพึงพอใจ ถึงตรงนี้ดร.สมฤดีระบุต่อว่า กลุ่มลูกค้าผู้หญิงจะเก่ง และ Sensitive ในเรื่องกลิ่นนี้ที่สุด บางสินค้าแม้ราคาแพงแบรนด์ดังแต่ทันทีที่สัมผัสกลิ่นหลายคนก็ไม่ชอบเลย เพราะเรื่องนี้เป็นสุนทรียศาสตร์ซึ่งต้องยอมรับคนยุโรปทั้งฝรั่งเศส อิตาลี และสหรัฐ เก่งที่สุด เพราะทำในวงการนี้มานาน ทำการวิจัยกันมานับร้อยๆ ปี บางกลิ่นจึงสงวนไว้ขายสำหรับคนชั้นสูง หรือบรรดาเชื้อพระวงศ์ทั้งหลายโดยเฉพาะ เพราะแพงมาก คนนอกไม่กล้าใช้ บรรดาบุคคลชั้นสูงเรื่องนี้ถือเป็นวัฒนธรรมของชนชั้นทีเดียว อย่างไรก็ดีในโลกแห่ง Globallzation ปรากฎว่าระยะหลังนี้ความนิยมในกลิ่นหอมแบบตะวันออกโดยเฉพาะ จาก Herbs สมุนไพรไทยกลายเป็นกลิ่นหอมที่เหมาะกับสปา นักการตลาดไทยสามารถสร้างเป็นแบรนด์ดังส่งไปขายในยุโรป รวมทั้งในเมืองไทยก็สามารถตั้งราคาได้แพงมีชาวต่างประเทศนิยมซื้อกลับบ้าน เช่น ยี่ห้อ Harnn&Thannซึ่งไม่เพียงแต่มีกลิ่นหอมที่มีเอกลักษณ์ แต่บรรจุภัณฑ์ยังสวยงามสะดุดตา หรูดูมีค่า อีกด้วย ในการทำการตลาด นักโฆษณาเคยใช้เทคนิคที่จะส่งกลิ่นหอมไปในกระดาษนิตยสารโดยการพิมพ์ด้วยหมึกพิเศษบ้าง โดยการพิมพ์พิเศษเป็นฟิล์มให้ขูด ทันทีที่ขูดกลิ่นหอมก็จะโชยออกมาจากกระดาษน่าตื่นตาตื่นใจ แต่ภายหลังมีน้อยลงเข้าใจว่าคงได้ผลไม่มาก ต้องกลับมาใช้วิธีเดิมคือ ตั้งเคาน์เตอร์ในห้าง มีสาวบีเอ.แต่งตัวสวย แต่งร้านสวยไว้บริการ และเสนอให้ทดลองดมกลิ่น รวมทั้งหลายสินค้าก็ขายได้ด้วยระบบ Direct Sales ที่มีสาวจำหน่ายไปเสนอขายถึงหน้าบ้าน ทำให้ได้ครบทุกมิติคือ เห็นภาพได้ยินเสียง ได้ดมกลิ่น และได้ลองทาสัมผัสกับเนื้อจริงๆ ยกเว้นมิติด้านชิม ถ้าจะมีก็เป็นอาหาร หรือขนม เหลืออีกหัวข้อเดียวก็จะจบสาระสำคัญของบทที่ 4 ที่ว่าด้วยเรื่องการสร้างแบรนด์ตรึงอารมณ์ เสียดายพื้นที่หมดลงซะก่อน อดใจไว้ตามอ่านกันต่อในตอนหน้าหลังส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2561 กับสาระในตอนจบ รับประกันความเข้มข้นและความปรารถนาดีจากดร.สมฤดี ศรีจรรยา แล้วพบกันใหม่ปี หน้า Happy New Year 2018
Tag :