ค่ายทรู สัญลักษณ์”สีแดง” และ ค่ายแจส สัญลักษณ์ “สีส้ม” คือผู้พิชิตชัยชนะ เหนือค่ายเอไอเอส สัญลักษณ์ “สีเขียว” และ ค่ายดีแทค สัญลักษณ์ “สีฟ้า” ด้วยยอดเงินประมูลรวม 2 ใบอนุญาต รวม 151,952 ล้านบาท ซึ่งสร้างสถิติสูงสุดใหม่ในการประมูลใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมของโลก

                ฉับพลันที่สงครามชิงใบอนุญาตคราวนี้จบลง บรรดานักวิเคราะห์หุ้นทั้งหลายต่างพากันอวดสำแดงภูมิปัญญาวิเคราะห์วิจารณ์ควันหลง ผลลัพธ์ที่จะอุบัติขึ้นกับวงจรธุรกิจนี้ไว้อย่างน่าคิด น่าพิศวง....

                ประเด็นชวนคิดแรก คือ 2 ค่ายที่ชนะประมูล ต้องเผชิญกับการแสวงหาเงินเพิ่มเติมอย่างมหาศาล เพื่อไปจ่าย”ต๋ง”ค่าใบอนุญาต และ ค่าใช้จ่ายดำเนินการ

                แหล่งเงินที่ทั้ง 2 ค่ายจะไประดมมาใช้จ่าย มีตั้งแต่การออกหุ้นเพิ่มทุน...ออกหุ้นกู้...เรื่อยไปจนถึงการไปก่อหนี้กู้เงินจากสถาบันการเงิน ทั้งในประเทศและนอกประเทศ ซึ่งหนีไม่พ้นต้องเตรียมทางหนีทีไล่ไว้ให้ดี ในการรับความเสี่ยงจากภาวะผันผวนในตลาดเงิน และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ฉายแววดีดตัวสูงขึ้น มิเช่นนั้นอาณาจักรธุรกิจมีสิทธิ ”เกยตื้น”...จอดไม่ต้องแจวเอาได้ง่ายๆ

                ประเด็นชวนคิดถัดมา คือความเข้มข้นของการแข่งขันในตลาดโทรคมนาคม ที่น่าจะดุเด็ดเผ็ดร้อนมากขึ้น

                ค่ายเอไอเอส คือค่ายที่ถูกมองว่าน่าจะอาศัยกำลังเงิน และสภาพคล่องที่เหนือชั้นกว่าใคร แถมยังมีฐานลูกค้าที่หนาแน่นที่สุด สวมบทผู้นำในการจุดไฟสงครามโหมกระแสการแข่งขัน กวาดต้อนลูกค้ามากอดเก็บไว้ในอ้อมกอด

                ในทางตรงข้าม..ค่ายแจส ซึ่งเป็น”น้องใหม่”ที่เข้าสู่ตลาด และได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นผู้สร้างสีสันให้ตลาดโทรคมนาคม มีความฉูดฉาดบาดหูบาดตา แต่เอาเข้าจริงกลับกลายเป็นว่าค่ายแจส ไม่น่าจะมีกำลังเงินมากพอที่จะปล่อยทีเด็ด วาดลวดลายใดๆออกมาได้

                ทั้งนี้และทั้งนั้นเป็นเพราะว่าราคาประมูลใบอนุญาตที่ค่ายแจส สู้ยิบตาขึ้นไปทะลุหลัก 7 หมื่นล้านบาท มันเป็นยอดเงินที่สูงลิบลิ่ว”ท่วมทุนจดทะเบียน”ที่แจสมีอยู่ทั้งหมด ขณะเดียวกันแจส ยังต้องแบกภาระในการทำทีวีดิจิตอลอีกจำนวนมหาศาล ซึ่งยังคลำหาจุดคุ้มทุนไม่เจอะเจอ

                บางทีสงครามชิงใบอนุญาต 4 จีรอบนี้ อาจกลายเป็นความโชคดีของผู้แพ้ หรือ ชัยชนะของผู้แพ้ และเป็นทุกขลาภใหญ่หลวงของผู้ชนะก็เป็นได้

ที่มา : Thaiquote