นายวิเชษฐ วรกุล รองผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า เตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี  อนุมัติโครงการค้ำประกันสินเชื่อเอสเอ็มอีทวีทุน หรือ PGS7 วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท เพื่อค้ำประกันสินเชื่อให้กับเอสเอ็มอีได้มากขึ้น หลังจาก PGS6 วงเงิน 1 แสนล้านบาท จะสิ้นสุดโครงการในวันที่ 30 มิถุนายน 2561 และมียอดเงินเหลือ 2.6 หมื่นล้านบาท  เน้นกลุ่มลูกค้าบัญชีเดียว ลูกค้าแบงก์รัฐ และธนาคารพาณิชย์ พร้อมฟรีค่าธรรมเนียมบางกลุ่มแตกต่างกัน เฉลี่ยค้ำประกัน 3-4 ล้านบาท   รวมถึงเดินหน้าขยายโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Micro Entrepreneur ระยะที่ 3 วงเงิน 1.5  หมื่นล้านบาท โดยระยะที่ 2 เหลือวงเงินเพียง 600 ล้านบาท เน้นกลุ่มรายย่อยพี่เป็นพ่อค้า แม่ค้าทั่วไป เพื่อให้รายย่อยได้มีสินเชื่อ และผ่อนชำระต่อเดือนได้น้อยลง ลดปัญหาการชาร์จค่าธรรมเนียมผิดนัดจากแบงก์ ไม่เกินร้อยละ 1.5-2 ต่อเดือน  และยังหนุนโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Non Bank ที่เป็นลิสซิ่ง หวังค้ำประกันให้ผู้ประกอบการเช่าซื้อ เครื่องจักรโรงงาน ก่อสร้าง ขั้นแรกเตรียมวงเงินรวม 2,000 ล้านบาท ให้สามารถนำเครื่องมือ เครื่องจักรต่างๆ มาค้ำประกันสินเชื่อได้ บสย.ค้ำประกันประมาณร้อยละ 70 ของสินเชื่อ   นางนิภารัตน์ พิสิฐพิทยเสรี รักษาการแทนผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)  เปิดเผยว่า คาดว่าทั้งปีจะอนุมัติการค้ำประกันสินเชื่อได้ตามเป้าหมาย  1.1 แสนล้านบาท  หลังจากไตรมาส 1/2561 การอนุมัติค้ำประกันสินเชื่อขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ยอดอนุมัติค้ำประกันสินเชื่อร่วมกับ 17 ธนาคารพันธมิตร วงเงิน 23,313 ล้านบาท จำนวนหนังสือค้ำประกัน 31,733 ฉบับ ยังอยู่ในขอบเขตดำเนินการ เพราะช่วงกลางปีจะมียอดขอค้ำประกันเข้ามาอีกจำนวนมาก ขณะที่ยอด NPl เท่ากับกับปีก่อนที่ร้อยละ13.4  หรือ 48,000 ล้านบาท   นอกจากนี้ เพื่อเป็นการสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินของเอสเอ็มอีได้คล่องตัวมากขึ้น ในเดือนมิถุนายนนี้ แผนงานการอนุมัติค้ำประกันสินเชื่อให้เร็วขึ้นจาก 3 วัน เป็น 1 วันทำการ ด้วยการใช้ระบบเชื่อมข้อมูลออนไลน์กับสถาบันการเงิน และการปรับเทคโนโลยีภายในจึงทำให้พิจารณาค้ำประกันสินเชื่อได้สะดวกขึ้น เพราะส่วนใหญ่เป็นลูกค้าเดิมที่มีประวัติทางการเงินแล้ว   ทั้งนี้ผลดำเนินงานดังกล่าวสะท้อนว่ายังมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจำนวนมากต้องการเข้าถึงสินเชื่อ ผ่านระบบธนาคาร เพื่อนำไปเป็นทุนต่อยอดธุรกิจ เงินทุนหมุนเวียนและขยายกิจการ  โดยจากตัวเลขการอนุมัติค้ำประกันสินเชื่อ  สูงสุด 5 หมวดธุรกิจ ได้แก่ 1. ธุรกิจบริการ 5,442 ล้านบาท สัดส่วน 23% 2. ธุรกิจการผลิตสินค้าและการค้าอื่นๆ  2,711 ล้านบาท สัดส่วน 11%  3. ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม 2,310 ล้านบาท สัดส่วน  9%  4. ธุรกิจเกษตรกรรม 2,163 ล้านบาท สัดส่วน  9% 5. ธุรกิจเหล็ก ผลิตภัณฑ์โลหะ และเครื่องจักร 2,020 ล้านบาท สัดส่วน 8% .