สำหรับเอกชนผู้ร่วมลงทุนในโครงการ ได้รับการเปิดเผยจาก ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ว่า  “มีกลุ่มเอกชนที่สนใจจะร่วมประมูลในโครงการแล้วประมาณ 5 กลุ่มด้วยกัน ซึ่งประกอบไปด้วย กลุ่มนักลงทุนไทย และต่างชาติ ได้แก่ประเทศจีน ญี่ปุ่น และนักลงทุนจากยุโรป” ทั้งนี้โครงการดังกล่าว ครอบคลุมเส้นทางรถไฟความเร็วสูงจากสนามบินดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา รวมระยะทาง 220 กิโลเมตร (กม.) มีจำนวนทั้งหมด 15 สถานี ด้วยความเร็ว 250 กม.ต่อชั่วโมง โดยมีความเร็ววิ่งภายในเขตเมือง 160 กม.ต่อชั่วโมง โครงการนี้ประกอบด้วย 1.การเชื่อมโยงรถไฟความเร็วสูงส่วนต่อขยาย แอร์พอร์ตลิงก์ ดอนเมือง-พญาไท ระยะทาง 21 กม. 2.แอร์พอร์ตลิงก์ พญาไท-สนามบินสุวรรณภูมิ ระยะทาง 29 กม. (เส้นทางแอร์พอร์ตลิงก์เดิม ซึ่งผู้ชนะประมูลโครงการจะได้รับสิทธิเข้าไปบริหารโครงการดังกล่าว ที่มีผลขาดทุนสะสม 1,785 ล้านบาท และเป็นหนี้อีก 33,000 ล้านบาท) 3.รถไฟความเร็วสูงจาก สนามบินสุวรรณภูมิ-สนามบินอู่ตะเภา ระยะทาง 170 กม. รวมทั้งการพัฒนาพื้นที่สถานีมักกะสันประมาณ 150 เพื่อเป็นสถานีหลัก ที่จอดรถ และส่วนเชื่อมโยงรถไฟฟ้าใต้ดิน และการพัฒนาพื้นที่สถานีศรีราชา จากรัฐจะให้เอกชนพัฒนาจำนวน 25 ไร่ จากพื้นที่ทั้งหมด 100 ไร่ ซึ่งใช้เป็นื้นที่สถานี ที่จอดและอู่ซ่อม เพื่อสนับสนุนบริการรถไฟ ขณะที่ในระยะที่ 2 จะเชื่อมโยงไปยัง ระยอง จันทบุรี และตราด โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษา ทั้งนี้คาดว่าเมื่อแล้วเสร็จ ด้านนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงระยะเวลาในการดำเนินการว่า ที่ผ่านมาระยะเวลาการดำเนินโครงการนี้ผ่านมาแล้ว ทั้งหมด 7 เดือน ในการศึกษาและจัดทำร่าง TOR และจะใช้เวลาอีก 7 เดือนต่อจากเพื่อคัดเลือกผู้ลงทุน ก่อนที่จะทำการเจรจาและลงนามในสัญญา ให้แล้วเสร็จในปลายปีนี้ ก่อนที่ในไตรมาสแรกของปีเมื่อ ครม.เห็นชอบแล้วจะสามารถประกาศผู้ชนะการประมูลได้ โดยจะเริ่มก่อสร้างทันทีในปี 2562 ใช้ระยะเวลา 4-5 ปี คาดว่าจะเปิดให้บริการทั้งระบบได้ภายในปี 2567 โดยมีอัตราค่าโดยสาร มักกะสัน-พัทยา 270 บาท และมักกะสัน-สนามบินอู่ตะเภา 330 บาท