โฮจิมินห์ Grab bike เติบโต แต่บ.แท็กซี่กำลังตาย

by ThaiQuote, 8 มิถุนายน 2561

ทีมข่าว Thaiquote ได้มีโอกาสไปเยือน โฮจิมินห์ สาธารณัฐเวียดนาม ได้สัมผัสวิถีชีวิตของคนเวียดนาม ในหลากหลายมุม โดยเฉพาะปัญหาเรื่องรถบริการสาธารณะ ทีทมีปัญหาราคาแพงและการโก่งราคา และ Grab bike ได้เข้ามาให้บริการเหมือนในหลายๆเมืองทั่วโลก ไปดูกันว่า Grab bike ที่เวียดนาม เป็นอย่างไรบ้าง เตริ่น มาย เกื่อง มัคคุเทศก์หนุ่มชาวเวียดนาม เล่าให้ฟังว่า รัฐบาลเวียดนามได้อนุญาตให้ Grab ให้บริการด้านการขนส่งสาธารณะได้อย่างถูกกฎหมายมาประมาณ 2 ปีแล้ว ในเมืองใหญ่ 4 เมืองได้แก่ ฮานอย ดานัง โฮจิมินห์ และ ไฮฟง ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี โดยนอกจากคนเวียดนาม จะได้ใช้บริการในราคาถูกแล้ว ยังช่วยลดปัญหากลโกงของ บรรดารถแท๊กซี่ และวินจักรยานยนต์รับจ้างได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังถือเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว ที่ช่วยให้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้รับบริการที่สะดวกสบายและปลอดภัย ทั้งนี้ในนครโฮจิมินห์ ปัจจุบันมีบริการทั้ง Grab bike และ Grab car แล้วหลายหมื่นคัน โดยมีบุคคลสำคัญในรัฐบาลเวียดนาม ร่วมลงทุนและสนับสนุนธุรกิจให้เข้ามาบริการในประเทศ อย่างไรก็ตาม ปัญหาการทะเลาะเบาะแว้งระหว่าง Grab bike และผู้ให้บริการเดิมอย่าง วินมอเตอร์ไซค์ และ แท็กซี่ ก็ยังคงมีอยู่ให้เห็นเป็นประจำ บริษัทมายลิน  ผู้ให้บริการแท็กซี่รายใหญ่ กุมขมับ รายงานผลประกอบการของบริษัท ตกต่ำ และ ย่ำแย่ที่สุดในรอบ 5 ปี เช่นเดียวกับ วีนาซัน  ผู้ให้บริการแท็กซี่อีกราย  ผลกำไรลดลงถึง 50% ในปี2560 โดยต่างกล่าวโทษว่า เป็นผลจากการแข่งขันของแอปพลิเคชั่น Grab bike ที่เข้ามาแย่งรายได้ และ สามารถครองพื้นที่ทางธุรกิจ อย่างมีนัยสำคัญ จาก ความโปร่งใสของค่าโดยสาร คุณภาพ การบริการ และ เทคโนโลยี บริษัทมายลิน  ระบุว่า ธุรกิจขนส่งของตนสูญเงินไปเกือบ 84,000 ล้านด่อง หรือ ประมาณ 127 ล้านบาท ในปี 2559 และผลกำไรสุทธิของบริษัทปี 2560 ลดลงเกือบ 70% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า  CEO ของบริษัทมายลิน ไม่พอใจอย่างมาก ระบุว่า UBER และ Grab bike เป็นเหตุผลสำคัญทำให้ปี 2559 เป็นปีที่ยากลำบาก  โดยมีการแข่งขันรุนแรง จากการเก็บภาษีไม่เป็นธรรม ตัวอย่างเช่น UBER จ่ายภาษี 3% ขณะที่บริษัทแท็กซี่รายอื่น ต้องจ่ายภาษีถึง 10%  และยังกล่าวโทษ UBER และ Grab bike ทำให้การจราจรแออัด จากจำนวนรถที่เพิ่มขึ้นกว่า 25,000 คัน บริษัทวีนาซัน กล่าวว่า การแข่งขันกับแอปพลิเคชั่นให้บริการรถยนต์ร่วมโดยสาร ทำให้บริษัทมีผลประกอบการลดลง  ลดลงถึง 48% จากปี 2559 อย่างไรก็ตาม การกล่าวโทษของบริษัทแท็กซี่ท้องถิ่นเหล่านี้ ได้รับเสียงสนับสนุนจากชาวเวียดนาม เพียงเล็กน้อย เพราะที่ผ่านมา ต่างไม่มีความสุข กับ การบริการที่ย่ำแย่ ทั้ง การปฏิเสธรับผู้โดยสารที่เดินทางระยะทางสั้นๆ หรือ ผิดนัดตามคิวจอง ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจ ที่ ทุกวันนี้  Grab bike ได้กลายเป็นขวัญใจชาวเวียดนามไปแล้ว !                                                                                                          คเชนทร์ ผลประดิษฐ์ รายงานจาก เวียดนาม