ตัวแทนคณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชน(คอบช.) ประมาณ 30 คน นำโดยนายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา และนางสาวบุญยืน ศิริธรรม ในฐานะกรรมการ คอบช. เดินทางมายื่นหนังสือข้อเสนอในการแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภคประชาชน โดยมีนายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงพลังงาน เป็นตัวแทนกระทรวงพลังงานมารับมอบหนังสือ ข้อเรียกร้องดังกล่าว มีจำนวนทั้งสิ้น 8 ข้อ ประกอบด้วย   1.ให้ยกเลิกเกณฑ์การคำนวณราคา ณ โรงกลั่น สำหรับน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งใช้กลไกราคาเสมือนการนำเข้าจากสิงคโปร์ที่มีการบวกค่าขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปจากสิงคโปร์มายังประเทศไทย รวมเข้ากับราคาน้ำมันสิงคโปร์ และเปลี่ยนมาใช้กลไกราคาเทียบเท่าการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปไปสิงคโปร์และไม่เกินราคาสิงคโปร์ที่มีราคาต่ำกว่า ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันถูกลง 2 บาทต่อลิตร   2.ให้ปรับปรุงราคาเอทานอลซึ่งผลิตในประเทศ แต่มีราคาสูงเกินราคาตลาดโลก ควรกำหนดราคาเอทานอลโดยเทียบกับค่าความร้อนของเอทานอลที่ต่ำกว่าเบนซินประมาณ 30% ดังนั้น ราคาเอทานอลจึงควรมีราคาต่ำกว่าเบนซินโดยเปรียบเทียบ 20-30% โดยอ้างอิงราคาในต่างประเทศ ที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างราคา 12-15 บาท/ลิตร เนื่องจากราคาเอทานอลในประเทศสูงกว่าราคาที่บราซิลถึง 9 บาท/ลิตร ซึ่งเมื่อมีการปรับปรุงราคาเอทานอลที่กลั่นในประเทศให้มีประสิทธิภาพด้านราคาแล้วจะทำให้น้ำมันที่ผสมเอทานอลชนิดต่างๆ มีราคาถูกกว่าเบนซิน โดยไม่ต้องใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาชดเชย 3.ในการกำหนดราคาก๊าซแอลพีจี เป็นทรัพยากรที่มาจากอ่าวไทยทั้งหมด ซึ่งปริมาณที่ผลิตจากโรงแยกก๊าซธรรมชาติปีละ 3.8 ล้านตัน ครัวเรือนใช้อยู่แค่ 2.1 ล้านตันเท่านั้น เพราะฉะนั้น เพียงพอใช้ในภาคครัวเรือนอยู่แล้ว สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีการยกเลิกเพดานราคา LPG หน้าโรงแยกก๊าซฯที่ระดับ 333 เหรียญสหรัฐ/ตัน หรือเฉลี่ย 10 บาท/กก.นั้น ก็ต้องการให้นำราคาดังกล่าวกลับมาใช้ใหม่ ให้ในส่วนของครัวเรือนได้ใช้ เป็นราคาของโรงแยกก๊าซฯ 4.ให้ยกเลิกการใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาดูแลราคาน้ำมัน เพราะไม่ชอบด้วยกฎหมาย   5.ให้หยุดเก็บเงินเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และให้ทบทวนวัตถุประสงค์การใช้เงินใหม่ว่าเป็นการนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ เนื่องจากเป็นการเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันไปช่วยเหลือด้านไฟฟ้า   6.ให้ใช้ภาษีเป็นกลไกดูแลการขึ้น-ลงของน้ำมันแทนกองทุนน้ำมันฯ 7.ยกเลิกการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT)บนฐานภาษีในโครงสร้างราคาน้ำมัน โดยให้เก็บจากตัวเนื้อน้ำมันเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดการเก็บภาษีซ้ำซ้อน และ   8.ให้รัฐจัดตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติ ให้เสร็จก่อนการเปิดประมูลให้สิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมแหล่งบงกชและแหล่งเอราวัณ   น.ส.บุญยืน กล่าวว่า ข้อเสนอ 8 ข้อดังกล่าวจะติดตามว่ากระทรวงพลังงานจะดำเนินการหรือมีความคืบหน้าอย่างไรภายใน 30 วันหลังจากนั้นจะกำหนดท่าทีในการเคลื่อนไหวต่อไปโดยยืนยันว่าจะมีการติดตามเรื่องนี้จนกว่ารัฐจะมีการเปลี่ยนแปลง   นายอิฐบูรณ์ กล่าวว่า คอบช.จะติดตามการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.)ที่มีนายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงานเป็นประธานอย่างต่อเนื่อง หากยังไม่มีการแก้ไขตามข้อเสนอ อาจเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาความเหมาะสมการปฏิบัติหน้าที่ของนายศิริต่อไป ขอบคุณภาพจาก facebook Itthaboon Onwongsa