ลุ้นระทึก! “ปึ้ง” คุก-รอด? คดีออกพาสปอร์ต อุ้ม"ทักษิณ"

by ThaiQuote, 19 มิถุนายน 2561

วันนี้(19 มิ.ย.) ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดอ่านคำพิพากษาคดีที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ พรรค เพื่อไทย ในฐานะจำเลย ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือ โดยทุจริตก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.157 จากกรณีที่จำเลยออกหนังสือเดินทางพาสปอร์ตให้แก่นาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในสมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร   นายสุรพงษ์ เดินทางมาถึงศาลฎีกาฯ เมื่อเวลา 09.00น. โดยมีอาการอ่อนเพลีย ต้องใช้ไม้เท้าค้ำพยุง และกล่าวว่าแม้สุขภาพจะไม่แข็งแรง แต่กำลังใจดี และเตรียมหลักทรัพย์มาประกันตัวไว้แล้วจำนวนหนึ่ง มั่นใจว่าที่ผ่านมาทำทุกอย่างอย่างตรงไปตรงมา กระบวนการไต่สวนพยานจำเลยที่ผ่านมาก็เรียบร้อยมาตลอด   ด้านนาย เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมาย พรรคเพื่อไทย เชื่อว่าสาระในคดีไม่น่ามีปัญหา ยังมั่นใจในข้อต่อสู้ที่มี แต่ก็ได้เตรียมหลักทรัพย์มาประกันตัวเพิ่มอีก 10 ล้านบาท ประกอบกับเงินในบัญชีและโฉนดที่ดิน เชื่อว่าคำให้การมีน้ำหนักเพียงพอที่องค์คณะศาลฎีกาฯ จะใช้เป็นข้อมูลวินิจฉัยอย่างเที่ยงธรรม แต่หากกระบวนการเป็นไปในทางลบ ก็เตรียมยื่นอุทรณ์คดีตามกฎหมายใหม่ต่อ และเห็นว่าการลงมติของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่ถอดถอนจำเลยออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศนั้น จะไม่มีผลต่อดุลยพินิจของศาลฎีกาฯ เพราะเป็นคนละฐานความผิด ส่วนคดีนี้ก็ต้องสู้กันต่อไป พร้อมเปิดเผยว่านาย ทักษิณ ได้แสดงความเป็นห่วงจำเลยด้วย   สำหรับพฤติการณ์แห่งคดี มาจากเมื่อช่วงเดือนตุลาคม 2554 นายสุรพงษ์ ลงนามในท้ายหนังสืออธิบดีกรมการกงสุลออกพาสปอร์ตแบบประชาชนทั่วไปให้แก่นาย ทักษิณ หลังจากที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนก่อนหน้า มีคำสั่งเพิกถอนพาสปอร์ต ซึ่งตามคำร้องระบุว่าการออกพาสปอร์ตทำให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับความเสียหาย และเข้าข่ายมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาม.157 และความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดเมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2560 ก่อนส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาฯ ในเวลาต่อมา ซึ่งศาลฎีกาฯ มีคำสั่งประทับรับฟ้อง ก่อนไต่สวนพยานโจทก์และจำเลยแล้วเสร็จใน 1 ปี ก่อนนัดฟังคำพิพากษาในวันนี้