เคล็ด(ไม่)ลับ...ขับรถเกียร์ออโต้อย่างไรให้ถูกวิธี

by ThaiQuote, 14 กรกฎาคม 2559

ระบบรถยนต์เกียร์ออโต้ประกอบด้วยตำแหน่ง P หรือ PARKING เป็นตำแหน่งเกียร์ที่ใช้จอดในลานจอด R : REVERSE เป็นตำแหน่งเกียร์ถอยหลัง N : NEUTRAL ตำแหน่งเกียร์ว่าง D : DRIVE เกียร์เดินหน้าใช้ในการขับขี่ตามปกติ เกียร์ 2 เป็นตำแหน่งเกียร์เดินหน้าใช้เพื่อขับขึ้น-ลงทางที่มีเนินสูงชัน ทางคดเคี้ยวที่ไม่สามารถใช้ความเร็วสูงได้ เกียร์ 1 ใช้สำหรับงานหนักที่ต้องการกำลังหรือรถติดหล่ม หรือทางขึ้น-ลงที่ชันมาก

                การขับรถยนต์ออโต้โดยทั่วไปมีเบสิกเหมือนกันทุกคัน คือใช้เท้าขวาในการเหยียบคันเร่งและเบรก แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นมักอยู่ในระหว่างการขับขี่ที่ผู้ขับขี่ไม่ปฏิบัติตามขั้นตอน เช่นการเร่งเครื่องอย่างเต็มที่เมื่อออกจากไฟแดง แม้ระบบเกียร์ออโต้จะควบคุมด้วยคำสั่งสมองกลปรับเปลี่ยนเกียร์ตามความเร็ว แต่การกระชากตัวอย่างรุนแรงก็ทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักเกินไป หรือการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์แต่ละครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเดินหน้า ถอยหลัง หรือเปลี่ยนเป็นเกียร์ว่าง ควรให้รถหยุดสนิทก่อน หลายคนใจร้อนหรือเข้าใจผิดว่าการเข้าเกียร์ว่างในขณะที่รถยังไม่จอดสนิทเป็นการประหยัดน้ำมัน ซึ่งนอกจากจะไม่ประหยัดน้ำมันแล้วยังทำให้เกียร์มีอายุการใช้งานสั้นกว่าปกติ ต้องเสียค่าซ่อมหรือเปลี่ยนเกียร์ใหม่ซึ่งรถยนต์บางรุ่นมีราคาสูงมาก

                เช่นเดียวกับการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์จาก D เป็น 1 หรือ 2 ต้องใช้ความรอบคอบอย่างมาก  เนื่องจากเกียร์ 1 และ 2 ใช้ในกรณีที่ต้องการแรงบิดมากๆเช่นทางขึ้นเนินที่ค่อนข้างชัน หรือต้องการการหน่วงความเร็วของรถเอาไว้เช่นในขณะที่ขับรถลงเนินเขา หรือวิ่งบนเส้นทางที่คดเคี้ยว ซึ่งหากขับขี่บนถนนปกติ ตำแหน่งเกียร์จะอยู่ในระดับ D โดยระบบสมองกลจะควบคุมคำนวณค่าต่างๆและปรับเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ตามความเร็วของรถในขณะนั้นตลอดเวลาอยู่แล้ว การกดคันเร่งเพื่อเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำหรือที่เรียกว่าคิกดาวน์ ไม่ควรทำบ่อยครั้ง หรือทำเท่าที่จำเป็นในการเร่งแซงให้พ้นเท่านั้น ถ้าทำบ่อย ๆผ้าคลัทช์ของเกียร์จะทำงานหนักและสึกหรอเร็ว และห้ามใช้ตำแหน่งเกียร์ 2 ในขณะที่ขับรถด้วยความเร็วสูง เพราะจะทำให้เครื่องยนต์ใช้รอบเครื่องสูงตามไปด้วย จนเกินขีดจำกัดและก่อให้เกิดความเสียหาย และอาจลื่นไถลเนื่องจากเกิดแรงบิดมหาศาล ทำให้รถเสียการทรงตัวได้