คลังแจงเก็บภาษี e-Business แบบละเอียดยิบ

by ThaiQuote, 19 กรกฎาคม 2561

น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง และโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า  ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร ที่กำหนดให้มีการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ประกอบการธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (e-Business) ในต่างประเทศ โดยกำหนดให้ผู้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์และดิจิทัลแพลตฟอร์มในต่างประเทศ ที่มีรายได้จากการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทยเกินกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี ยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ยื่นแบบแสดงรายการภาษี และนำส่งภาษีให้แก่กรมสรรพากรผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งคาดว่าจะทำให้การเก็บภาษีเพิ่มขึ้นปีละ 3 พันล้านบาท "ตอนนี้มีความเข้าใจผิดว่ากฎหมายดังกล่าว จะเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) จากการซื้อสินค้าออนไลน์ เช่น มีการสั่งซื้อของผ่านอาลีบาบาและจะโดนเก็บภาษีแวตจากกฎหมายนี้ ซึ่งไม่ใช่ กฎหมายนี้จะเก็บภาษีแวตผู้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์และดิจิทัลแพลตฟอร์มในต่างประเทศ" น.ส.กุลยา กล่าว นางแพตริเซีย มงคลวนิช ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี และโฆษกกรมสรรพากร กล่าวว่า กฎหมายดังกล่าวเป็นการเก็บภาษีแวตจากผู้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์และดิจิทัลแพลตฟอร์มในต่างประเทศ ตัวอย่างเช่น การโฆษณา ดาวน์โหลดเกม0 ดาวน์โหลดสติกเกอร์ สมัครสมาชิกทีวีออนไลน์  เป็นการเก็บภาษีแวตจากดิจิทัลคอนเทนต์ หรือดิจิทัลเซอร์วิส รวมถึงการให้บริการต่างๆ ที่มีการซื้อขายกันและมีการเก็บค่าบริการซื้อขายจากการซื้อสินค้านั้น ก็จะมีการเก็บภาษีแวตในส่วนของค่าบริการเท่านั้น ไม่รวมถึงค่าสินค้า ทั้งนี้ กฎหมายดังกล่าวจัดทำขึ้นเพื่อเป็นการสร้างความเป็นธรรมทั้งผู้ประกอบการไทยและต่างประเทศ โดยจะเน้นการเก็บภาษีจากผู้ประกอบการรายใหญ่เป็นหลัก  ไม่ได้เก็บภาษีจากผู้ซื้อ เช่น หากจองที่พักในเมืองไทยผ่านผู้ให้บริการออนไลน์ต่างประเทศ ผู้ให้บริการออนไลน์จะเสียภาษีแวตในส่วนของค่าบริการเท่านั้น ไม่ได้เก็บภาษีแวตจากค่าห้องพักด้วย เพราะค่าห้องพักมีการเสียภาษีแวตอยู่แล้ว “สำหรับการซื้อขายสินค้าออนไลน์ ของที่นำเข้ามาในประเทศก็จะดำเนินการตามกฎหมายปกติที่มีอยู่แล้ว คือ สินค้าที่มูลค่าไม่เกิน 1,500 บาท ได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าและภาษีแวต หากราคาเกินที่กำหนดก็ต้องเสียภาษีนำเข้าและภาษีแวตตามปกติ” นางแพตริเซีย กล่าว ทั้งนี้ จากการศึกษาของกรมสรรพากร พบว่า ปัจจุบันนี้มี 50 ประเทศ ที่เก็บภาษีแวตจากผู้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์และดิจิทัลแพลตฟอร์มในต่างประเทศ และผู้ประกอบการรายใหญ่ 80-100 ราย ยอมเสียภาษีแวตตามกฎหมายของแต่ละประเทศ เพราะบริษัทดังกล่าวอยู่ในตลาดหลักทรัพย์และมีการค้าขายทั่วโลก จึงไม่กล้าเสี่ยงเรื่องธรรมาภิบาลในการดำเนินงานของบริษัทโดยการเสียภาษีที่ไม่ถูกต้อง