ปปง.เตือน อย่าหลงเชื่อลงทุนเงินตราต่างประเทศ

by ThaiQuote, 25 กรกฎาคม 2561

วันที่ 24 กรกฎาคม 2561 พลตำรวจตรีรมย์สิทธิ์ วีริยาสรร เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ครั้งที่ 13/2561 เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2561 คณะกรรมการธุรกรรมได้มีมติให้ยึดและอายัดทรัพย์สิน บริษัท โอดี แคปปิตอล จำกัด กับพวก มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ตามความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ซึ่งเป็นหนึ่งในความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 สำหรับพฤติกรรมของผู้กระทำความผิดดังกล่าวคือ รวมกลุ่มบุคคลตั้งเป็นบริษัทขึ้นมา ใช้ชื่อว่า บริษัท โอดี แคปปิตอล จำกัด จากนั้นก็ชักชวนให้ประชาชนร่วมลงทุนทำธุรกิจเก็งกำไร เช่น ซื้อขายเงินตราต่างประเทศ ร้านค้า จิวเวลรี เป็นต้น โดยมีการจัดทำและเสนอแผนการลงทุน ชักชวนประชาชนมาเป็นสมาชิก อ้างว่าจะให้ผลตอบแทนแก่สมาชิกที่ร่วมลงทุนในอัตราร้อยละ 5-10  ต่อเดือน ซึ่งสูงกว่าปกติทั่วไป นอกจากนี้ยังมีการจัดสัมมนาตามสถานที่ต่างๆ เพื่อโฆษณาเชิญชวน สร้างความเชื่อมั่นและน่าสนใจ โดยอ้างว่าบริษัทกำลังเข้าตลาดหุ้นที่ต่างประเทศ ทำให้มีผู้สนใจร่วมลงทุนจำนวนมาก ผ่านทางแม่ทีมและเครือข่าย แต่ต่อมาพบว่า บริษัท โอดี แคปปิตอล จำกัด กับพวก ไม่มีการจ่ายผลตอบแทนให้แก่สมาชิกตามที่อ้าง และสมาชิกไม่สามารถถอนเงินที่ลงทุนไปออกมาได้ ทำให้ได้รับความเสียหาย และจากการตรวจสอบยังพบว่าบริษัท แห่งนี้ทำธุรกิจโดยไม่มีใบอนุญาตอีกด้วย ทั้งนี้ คดีดังกล่าวมีผู้เสียหายมาร้องเรียนต่อสำนักงาน ปปง.จำนวน 23 ราย รวมมูลค่าความเสียหาย ประมาณ 6,000,000 บาท บางรายมีหนี้สินจากการกู้หนี้ยืมสินไปลงทุน ทางสำนักงาน ปปง.เห็นว่าหากปล่อยให้กลุ่มผู้กระทำความผิดหลอกลวงประชาชนไปเรื่อยๆ จะเกิดความเสียหายต่อประชาชนและระบบเศรษฐกิจร้ายแรง  จึงต้องดำเนินการตามกฎหมายทันที ขณะที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ได้รับเรื่องดังกล่าวไว้เป็นคดีอาญาแล้ว พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ฯ กล่าวต่อว่า ขอเตือนไปยังผู้กระทำผิดกฎหมาย ปปง. ที่คิดว่าสามารถหลบหลีกโดยการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินไปให้บุคคลที่ 3 ทำให้กฎหมายไม่สามารถเอาผิดได้นั้น เป็นความเข้าใจที่ผิด เช่นกรณีนี้ อ้างว่าได้โอนทรัพย์สินต่อไปให้กับแม่ข่ายระดับสูงกว่าไปแล้ว จึงไม่ทราบและไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับการกระทำความผิด แต่ข้อเท็จจริงคือสำนักงาน ปปง.สามารถตรวจสอบเส้นทางทางการเงินหรือพยานหลักฐาน จนพบว่ามีการจำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์สินไปยังบุคคลที่เกี่ยวข้องอื่นๆ รวมทั้งพ่อแม่ พี่น้อง หรือญาติ  ซึ่งทางสำนักงาน ปปง.ก็สามารถดำเนินมาตรการยึดอายัดทรัพย์สินได้ตามกฎหมาย “ฝากเตือนไปยังผู้กระทำความผิด ขอให้หยุดการกระทำเสีย ขณะเดียวกันก็ขอฝากไปยังประชาชน อย่าหลงเชื่อบุคคลใดก็ตามที่ชักชวนไปลงทุนที่ผิดกฎหมาย แม้แต่บุคคลใกล้ชิด พ่อแม่ ญาติพี่น้องก็ตาม  เนื่องจากบุคคลดังกล่าวอาจหลงกลมิจฉาชีพในรูปแบบต่างๆ และเชื่อว่าจะได้รับผลประโยชน์ที่สูง จึงพยายามหาเงินไปลงทุนเพิ่ม ควรสอบถามไปยังหน่วยงานราชการต่างๆ ก่อนที่จะลงทุน และหากพบเห็นบุคคลใดเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด สามารถโทร.แจ้งสายด่วน ปปง. 1710” เลขาธิการ ปปง.กล่าว