ทำไมถึงรอดทุกครั้ง!'ผกก.หนุ่ย'ไม่ใช่ตำรวจติดตาม แต่อยู่เบื้องหลังนายตำรวจใหญ่

by ThaiQuote, 29 กรกฎาคม 2561

พ.ต.อ.วทัญญู วิทยผโลทัย หรือ “ผู้กำกับหนุ่ย” ไม่ใช่แค่คนติดตามตระกูลชินวัตรเท่านั้น แต่เขามีบทบาทสำคัญที่ทำให้บรรดาบิ๊กๆ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เกรงใจ เพราะ “หนุ่ย” นี่แหละเกื้อหนุนให้หลายคนได้ดิบได้ดี ขณะที่ “หนุ่ย” ก็เป็นคนที่ทำให้ “ทักษิณ” เชื่อว่าเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้ง มีคะแนนเหนือพลังประชารัฐ และประชาธิปัตย์ พร้อมที่จะเลือก “ดูด” อดีต ส.ส.บางคนกลับพรรค ระบุข้อมูลที่สันติบาลล้วงมาได้นั้น แจ๋วยิ่งกว่าโพลการเมืองของสถาบันการศึกษา เพราะมันคือ Information is Power ให้กับทักษิณ-เพื่อไทย! เป็นเรื่องที่สังคมเคลือบแคลงใจว่า ทำไม? พ.ต.อ.วทัญญู วิทยผโลทัย หรือ “ผู้กำกับหนุ่ย” ผกก.ฝ่ายวิจัยและพัฒนา ศูนย์พัฒนาด้านการข่าว กองบัญชาการตำรวจสันติบาล ซึ่งเป็นนายตำรวจติดตาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่แม้วันนี้การเมืองมีการปลี่ยนขั้วอำนาจไปแล้วแต่เขาก็ยังหาญกล้าออกมาแสดงความซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อนายเก่าด้วยการลาพักร้อนไปเดินถือถุงชอปปิ้งห้างดังบนถนนออกซฟอร์ด ตามหลัง “ยิ่งลักษณ์” ที่ประเทศอังกฤษ และในเวลาไล่เลี่ยกัน ยังปรากฏภาพผู้กำกับหนุ่ยติดตามนายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปเชียร์ฟุตบอลโลกที่ประเทศรัสเซีย เรื่องนี้จึงน่าสนใจอย่างยิ่ง เมื่อนายตำรวจระดับผู้กำกับซึ่งยังรับราชการอยู่แต่ไปปรากฏตัวติดตาม “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ที่เป็นนักโทษหลบหนีคดีทั้ง 2 คน แม้วันนี้ “ผู้กำกับหนุ่ย” จะถูกคำสั่งให้ไปปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร. โดยขาดจากต้นสังกัดจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงแล้วก็ตาม “ถ้าตำรวจที่ไปไม่ใช่หนุ่ย จะมี 2 อย่าง คือ ไม่เป็นข่าว แต่ถ้าเป็นข่าวดังก็ต้องถูกให้ออกจากราชการไว้ก่อนในระหว่างที่มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน เพราะการไปเดินตามผู้ต้องหาที่มีหมายจับหลายหมายแบบนี้ถือเป็นการผิดวินัยร้ายแรง แต่กรณี “หนุ่ย” บรรดาบิ๊กๆ ตำรวจไม่มีใครอยากยุ่ง” แหล่งข่าวระดับสูงในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) บอกว่า “หนุ่ย” จะเป็นคนที่ระดับบิ๊กใน สตช.มีความเกรงใจ ไม่ใช่เพียงเพราะว่าเขาติดตามตระกูลชินวัตร และบ้านจันทร์ส่องหล้า มาตั้งแต่ยุคนายทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี มาจนถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้น แต่เป็นเพราะบทบาทของ “หนุ่ย” ในช่วงที่ตระกูลชินวัตรเรืองอำนาจ “หนุ่ย” ก็มีส่วนสำคัญในการกำหนดคนใน สตช.ได้เหมือนกัน “ผู้ใหญ่ในสำนักงานตำรวจก็วิ่งผ่านหนุ่ย ส่วนบัญชีรายชื่อโยกย้ายที่ไม่ได้ผ่านมือหนุ่ยมาก่อน นายใหญ่ นายหญิง หรือคุณปู ก็มักจะถามหนุ่ย และให้หนุ่ยเป็นคนไปสืบประวัติ เรียกว่า หนุ่ยมีบทบาทในการดันหรือไม่ดันใครก็ได้ ส่วนตัวผมเองจะไปพบคุณปูได้ก็เพราะหนุ่ยเหมือนกัน” ที่สำคัญสุดในสายตาของคนใน สตช.มองผู้กำกับหนุ่ยไปในทางชื่นชมเพราะการช่วยเหลือให้ใครได้ตำแหน่งแต่ละครั้งไม่มีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง หรือพูดง่ายๆ ไม่เคยเรียกผลประโยชน์จากใคร อย่างไรก็ดี แม้จะเป็นยุครัฐบาล คสช. ผู้กำกับหนุ่ยก็ยังคงมีความสำคัญในการที่ใครและใคร จะเข้าหาตระกูลชินวัตร เพราะเขาจะติดต่อสื่อสาร พูดคุย อยู่เป็นประจำ ขณะที่นายตำรวจระดับบิ๊กๆ อีกหลายคนที่ได้ดิบได้ดีจากตระกูลชินวัตร กลับเลือกที่จะเก็บตัวเงียบเหมือน “หมีอยู่ในถ้ำ” รอเวลาที่การเมืองจะเปลี่ยนแปลง กลับสู่ยุคของตระกูลชินวัตร-เพื่อไทย อีกครั้ง “ตำรวจเป็นมนุษย์พันธุ์พิเศษ ลื่นไหลไปเรื่อยๆ รู้ที่จะรักษาตัวในยามที่ คสช.เป็นใหญ่ก็ต้องเลือกนิ่งเฉย ไม่ทำตัวเป็นศัตรูกับตระกูลชินวัตร ทหารมาไม่นานเดี๋ยวก็ไป แต่การเมืองไม่มีอะไรแน่นอน หลังเลือกตั้งถ้าตระกูลชินวัตรกลับมาเป็นรัฐบาล พวกเราก็ยังคงอยู่ได้ ยิ่งคนที่มีอายุราชการอีกหลายปีก็สบายๆ อยู่กันอย่างมั่นคง” โดยผู้กำกับหนุ่ยนี่แหละ จะมีส่วนสำคัญที่ชี้ว่าใครจะอยู่ตรงไหน เพื่อให้ “นายใหญ่” สั่งการ! แหล่งข่าวบอกอีกว่า การที่นายทักษิณ ชินวัตร มีความมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้ง และคะแนนนิยมใน “ตัวพรรค” สูงมากโดยเฉพาะในภาคอีสานและภาคเหนือ ยังครองใจประชาชนอยู่นั่น เป็นเพราะนายทักษิณมีข้อมูลจริง จากคนในพื้นที่และข้อมูลตรงนี้แหละจะมีผลให้นายทักษิณ และพรรคเพื่อไทย เลือกที่จะดูด ส.ส.ที่พรรคพลังประชารัฐ ดูดไปกลับคืนมาเฉพาะบุคคลที่อยู่ในข่ายว่าจะมีโอกาสได้รับเลือกตั้งเท่านั้น “บางคนจะเรียกว่าโพลสันติบาล แต่จริงๆ เราไม่ได้ทำโพล แต่เรามีสันติบาลในพื้นที่ที่ใกล้ชิดประชาชนจริงๆ ตำรวจสันติบาลเหล่านี้แหละจะทำหน้าที่หาข่าว พูดคุยกับชาวบ้าน รู้ว่าใครเป็นหัวคะแนนใครบ้าง คะแนนนิยมของผู้สมัครในพื้นที่ใครเป็นอย่างไร อดีต ส.ส.คนไหนจะย้ายพรรคบ้าง พรรคไหนยังมีฐานเสียงที่ดี และฐานเสียงแต่ละพรรคอยู่พื้นที่ไหน” โดยข้อมูลเหล่านี้ตำรวจสันติบาลที่ฝังตัวในพื้นที่ทุกจังหวัดจะเก็บอย่างละเอียดพร้อมรายงานตรงต่อส่วนกลางซึ่งก็คือกองบัญชาการตำรวจสันติบาล จากนั้นก็จะมีการนำข้อมูลที่จัดเก็บมาได้ไปวิเคราะห์ก็จะทำให้รู้ว่าการเมืองในพื้นที่เป็นอย่างไร “งานสันติบาลก็เหมือนกับงาน กอ.รมน.ของทหาร แต่เชื่อเถอะการหาข่าว ตำรวจสันติบาลจะเก่งและเชี่ยวกว่าเพราะตำรวจจะฝังตัวในพื้นที่ ทำตัวกลมกลืนกับคนในพื้นที่จึงเข้าถึงข้อมูลได้มากกว่าทหาร” นอกจากนี้ การที่ระบอบทักษิณเติบโตมาเป็นเวลานานก็ทำให้การวาง 'คน' ของตระกูลชินวัตร และพรรคเพื่อไทย ฝังรากลึกลงไปในพื้นที่ดังกล่าว แม้รัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา จะมีการปรับเปลี่ยนโยกย้ายไปบางส่วนแล้วก็ตาม แต่ก็เป็นการย้ายแค่ระดับบนๆ ไม่ได้ไปถึงระดับพื้นที่ ส่งผลให้บรรดาข้าราชการส่วนใหญ่ที่นิยมชมชอบและศรัทธาในระบอบทักษิณ ยังคงอยู่ในพื้นที่ต่อไป “ไปดูระดับพื้นที่ อบต. กำนันผู้ใหญ่บ้าน ตำรวจหัวแตงโม ข้าราชการครู ที่รักทักษิณ และเพื่อไทย มีเยอะ ข้อมูลเหล่านี้ก็ต้องมีการเก็บส่งไปให้กับส่วนกลาง และถ้าส่วนกลางอยากได้อะไรเพิ่มก็สั่งมา สันติบาลในพื้นที่ก็ต้องไปหาข่าวส่งไปให้” แหล่งข่าวจาก สตช.บอกอีกว่า นายทักษิณ และแกนนำพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะคนเดือนตุลา เป็นคนฉลาดและเลือกที่จะฟังข้อมูลจากที่ไหนบ้างเพื่อนำไปกำหนดแผนยุทธศาสตร์ในการเลือกตั้ง ซึ่งการจะได้ข้อมูลของทางราชการจึงจำเป็นจะต้องมีคนของตัวเองที่ไว้ใจได้ 100% ไปนั่งประสานงานอยู่ตรงนั้น และผู้กำกับหนุ่ย ก็เป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญที่ถูกคัดสรรไว้แล้วเช่นกัน ข้อมูลตรงนี้แหละในทางการเมืองเขาเรียกว่า Information is Power เพราะเมื่อใครได้ข้อมูลตรงนี้ไปก็ย่อมมีพลังหรือมีโอกาสได้ชัยชนะเหนือผู้อื่นหรือพรรคการเมืองอื่น “หนุ่ย ไม่จำเป็นต้องลงไปหาข้อมูลอะไรเอง เขาเคยอยู่สันติบาลมาก่อน จึงรู้ช่องทาง และบิ๊กๆ ใน สตช.ก็ไม่ได้ว่าอะไร เมื่อมีข้อมูลพื้นที่ส่งเข้ามา มีการประมวลผลรายงานผู้บังคับบัญชา เขาก็สามารถหยิบข้อมูลบอกเป็นการส่วนตัวกับคุณทักษิณ คุณปู ได้ ถ้าเขาจะทำ ถึงบอกว่าการที่หนุ่ยยังอยู่ในระบบราชการจึงเป็นประโยชน์กับทักษิณและเพื่อไทย” อย่างไรก็ดี ข้อมูลที่ นายทักษิณ และพรรคเพื่อไทยได้จากกองบัญชาการตำรวจสันติบาลนั้น ยืนยันว่าไม่ใช่โพล แต่เป็นข้อมูลจริง ซึ่งจะเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้พรรคเพื่อไทยก้าวไปถึงเป้าหมายได้ โดยคนในพรรคเพื่อไทยบอกเพิ่มเติมว่า นายทักษิณได้มีการจ้างฝรั่งมาทำโพลเลือกตั้งและจะมีการนำไปสังเคราะห์กับโพลที่ได้จากตำรวจและข้อมูลการเลือกตั้งที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ได้มีการสำรวจไว้ เพื่อกำหนดเป็นยุทธศาสตร์หาเสียงต่อไป “ข้อมูลของสันติบาล​ บวกกับข้อมูลกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จะแม่นยำกว่าที่สถาบันการศึกษาทำกันเพราะราชการจะมีการฝังตัวและใกล้ชิดกับชาวบ้านมาก จะมีการพูดคุยซักถามเชิงลึกกันไปเรื่อยๆ จะได้ความจริงมากกว่า ไม่ใช่เป็นการถามแบบให้เขาตอบเป็นข้อๆ ตามที่โพลต่างๆ ทำกัน เราจึงเชื่อว่าเพื่อไทยมีโอกาสชนะสูง” ดังนั้น การที่ “ผู้กำกับหนุ่ย” ยังคงนั่งอยู่ใน สตช.จึงเป็นประโยชน์กับระบอบทักษิณ และยังเป็นกลไกสำคัญให้บรรดาตำรวจหัวแตงโมมีพลังและความหวังที่จะเติบโตได้ในอนาคต เพราะข้อมูลกองบัญชาการตำรวจสันติบาล ชัดเจนแล้วว่าพรรคเพื่อไทยเหนือกว่าพรรคพลังประชารัฐ และประชาธิปัตย์!