เริ่มจาก “ราคาข้าว” โดยข้าวขาวในสัปดาห์นี้ราคากลับมาคงที่ หลังจากลดลงต่อเนื่อง 3 สัปดาห์ เนื่องจากฝนเริ่มซา ปัญหาข้าวมีความชื้นเริ่มลดลง ผู้ส่งออกเริ่มการขนถ่ายข้าวขึ้นเรือ และผู้นำเข้าเริ่มซื้อเพื่อชดเชยสต็อกที่ขาดไป สมาคมค้าข้าววิเคราะห์ว่าตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะฟิลิปปินส์มีแนวโน้มที่ดี เนื่องจากข้าวในประเทศฟิลิปปินส์ผลิตไม่เพียงพอจากปัญหาโรคพืชและน้ำใช้ในการเกษตรไม่เพียงพอ โดยความต้องการมีมากกว่าผลผลิตถึง 1.8 ล้านตัน ทางการออกมาประกาศว่าต้องนำเข้าข้าวเพิ่มอย่างน้อย 5 แสนตันในเดือนกันยายน ราคามันสำปะหลังคงที่ เพราะเป็นช่วงปลายฤดูการเก็บเกี่ยว หัวมันสำปะหลังออกสู่ตลาดน้อยไม่เพียงพอต่อความต้องการของโรงแป้งและลานมัน ทั้งนี้ ลานมันส่วนใหญ่หยุดดำเนินการผลิตเพราะฝนตก ส่วนโรงงานแป้งมันสำปะหลังส่วนใหญ่หยุดเพื่อซ่อมแซมเครื่องจักร ด้านราคายางลดลงจากสัปดาห์ก่อน เนื่องจากความต้องการจากตลาดจีนลดลง และผลจากราคาน้ำมันที่ลดลงทำให้สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันอย่างยางพาราปรับตัวลดลงตามไปด้วย ส่วนราคาปาล์มปรับตัวลดลงเนื่องจากราคาน้ำมันพืชอื่นๆ เช่นถั่วเหลืองมีราคาลดลง กระทบราคาน้ำมันปาล์มดิบในตลาดซื้อขายล่วงหน้า โดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรประเมินว่าราคาลดลงเฉลี่ยร้อยละ 5 ขณะที่ในตลาดมาเลเซีย ราคาลดต่ำสุดในรอบ 3 ปี สำหรับราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ราคาเฉลี่ยคงที่ เนื่องจากพื้นที่ร้อยละ 90 เริ่มหมดฤดูเก็บเกี่ยว (เดือนที่ผลผลิตออกมาก คือ ก.ย. – พ.ย.) และไซโลรับซื้อที่ราคาแนะนำของรัฐ ราคาสับปะรด ราคาเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากปัญหาล้นตลาดเริ่มคลี่คลาย (เดือนที่ผลผลิตออกมาก คือ เม.ย. – พ.ค.) ผลผลิตในเดือนกรกฎาคม ผลผลิตสอดคล้องกับความต้องการของโรงงาน โดยปริมาณสับปะรดที่ออกสู่ตลาดอยู่ที่ 4,500-5,000 ตัน ขณะที่โรงงานขณะนี้มีความต้องการ 5,000 ตัน ฟากราคากุ้งขาว ราคาเพิ่มขึ้น จากการที่จีนขึ้นภาษีสินค้าประมงจากสหรัฐฯ และหันมานำเข้าจากแหล่งอื่นรวมทั้งไทย และปริมาณที่ลดลงจากการกวาดล้างการทำประมงผิดกฎหมายตามระเบียบของสหภาพยุโรป (IUU) อย่างไรก็ตาม ราคาส่งออกกุ้งขาวของไทยและเวียดนามยังสูงกว่าคู่แข่งจากอินเดียและอินโดนีเซียอยู่เกือบร้อยละ 10