ก.อุตฯ หนุน SME ไทยขายสินค้าผ่าน KPLUS

by ThaiQuote, 8 สิงหาคม 2561

นายสมชาย หาญหิรัญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้ร่วมกับ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นหนึ่งในสถาบันการเงินที่ส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนา SME ร่วมสนับสนุนให้ SME มีช่องทางจำหน่ายสินค้ามากขึ้นผ่านช่องทางออนไลน์ ด้านนายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า ความร่วมมือ (MOU) ดังกล่าว มีวัตถุประสงค์ให้การสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและวิสาหกิจชุมชนให้สามารถเพิ่มช่องทางการค้าการลงทุนและการจัดจำหน่ายสินค้า ยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันทางการตลาด โดย กสอ.จะให้การสนับสนุนในด้านต่าง ๆ ได้แก่ 1.การสนับสนุนพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) และวิสาหกิจชุมชนในด้านต่างๆ 2.คัดกรองวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) และวิสาหกิจชุมชนที่มีศักยภาพให้ได้รับโอกาสการส่งเสริมทั้งทางด้านการเงินและการพัฒนาธุรกิจ เพื่อให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น 3.สนับสนุนการประชาสัมพันธ์การสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการและการเชื่อมโยงข้อมูล เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางการค้า การลงทุน และการจัดจำหน่ายสินค้าให้แก่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) และวิสาหกิจชุมชน ด้านนายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กสิกรไทยจะให้การสนับสนุนด้านต่าง ๆ  ได้แก่ 1. สนับสนุนให้เกิดการต่อยอดทางธุรกิจ เชื่อมโยงผู้ซื้อและผู้ขายกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยที่ต้องการขยายตลาดออนไลน์ ได้พบกับลูกค้ารายย่อยที่ใช้งาน K PLUS กว่า 8.4 ล้านราย ผ่าน K PLUS Market โดยธนาคารจะเป็นสื่อกลางการติดต่อซื้อขายรวบรวมสินค้าหรือบริการจากร้านค้า บริษัทในกลุ่มธุรกิจต่างๆ เพื่อให้เกิดการซื้อขายสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ไร้ข้อจำกัดเรื่องเวลา พร้อมนำเทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytic) ควบคู่การใช้ Machine Learning นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการและสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น ส่วนลูกค้ารายย่อยจะได้รับการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม ตรงกับความต้องการของลูกค้า 2.สนับสนุนแหล่งเงินทุนและบริการทางการเงิน ด้วยการสร้างโมเดลวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าทั้งพฤติกรรมด้านการเงินและความต้องการ พร้อมนำเสนอสินเชื่อออนไลน์ให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีผ่านเมนู Life PLUS บนแอป K PLUS ตลอดจนแนะนำบริการทางด้านการเงินและสินเชื่อต่างๆ หรือช่องทางการชำระเงินต่างๆ ของธนาคารที่เหมาะสมกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและวิสาหกิจชุมชน และ 3.สนับสนุนการประชาสัมพันธ์ การสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการ ทั้งในและนอกประเทศให้แข็งแกร่ง ผ่านทั้งช่องทางที่เป็น Offline และช่องทาง Online และการเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางการค้า การลงทุน และการจัดจำหน่ายสินค้าให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและวิสาหกิจชุมชน รวมถึงสนับสนุน แลกเปลี่ยนข้อมูล และองค์ความรู้ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาผู้ประกอบการเอสเอ็มอีภายใต้หลักเกณฑ์และเงื่อนไขของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม MOU ดังกล่าวจะเป็นโอกาสทางธุรกิจของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยที่จะสามารถขยายกำลังซื้อไปยังตลาด AEC+3 ที่มีจำนวนผู้บริโภคกว่า 1,000 ล้านคน นอกจากนี้ ยังรวมถึงปัจจัยต่างๆ เช่น ความก้าวหน้าของเทคโนโยลีของโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Technology) และความพร้อมของระบบ Logistics ได้เปิดโอกาสในการขยายธุรกิจให้กับเอสเอ็มอีไทย ผ่านทางเครือข่ายการให้บริการที่ครอบคลุม AEC+3  ด้วยเครือข่ายสาขากว่า 16 สาขา และธนาคารพันธมิตรกว่า 70 แห่งทั่วภูมิภาค