ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เผยว่า สมาคมฯ ได้ปรับคาดการณ์ส่งออกข้าวไทยปี 2561 เป็น 11 ล้านตัน มูลค่า 5,600 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินบาทประมาณ 1.77 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้ช่วงต้นปีว่าไทยจะส่งออกข้าวได้ 9.5 ล้านตัน แต่ยังเป็นอันดับ 2 รองจากอินเดียที่คาดว่าจะส่งออกข้าวในปีนี้ได้ถึง 12 ล้านตัน ทำให้อินเดียเป็นผู้ส่งออกข้าวเบอร์ 1 ของโลกตั้งแต่ปี 2558 ซึ่งครองแชมป์ 4 ปีติดต่อกัน ขณะที่เวียดนามคาดว่าจะส่งออกข้าวได้เป็นอันดับ 3 รองจากไทย สำหรับแนวโน้มการส่งออกข้าวไทยในปี 2562 ต้องรอดูสถานการณ์ผลผลิตข้าวก่อน โดยคาดว่าไม่ต่ำกว่า 10 ล้านตัน ส่วนราคาข้าวหอมมะลิ คาดว่าจะมีแนวโน้มลดลง เพราะเกษตรกรเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกข้าวจากการที่ผลผลิตข้าวหอมมะลิปีนี้เสียหายมาก หรือลดลง 40% จากปกติ ทำให้ราคาปีนี้ปรับตัวสูงขึ้นถึงตันละ 1,200 เหรียญสหรัฐฯ โดยสมาคมฯ ขอให้เกษตรกรเข้าร่วมโครงการจำนำข้าวยุ้งฉางของรัฐบาล เพื่อชะลอไม่ให้ผลผลิตออกสู่ตลาดพร้อมกันจนราคาตกต่ำอีก นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ปัจจัยบวกที่ทำให้การส่งออกข้าวไทยปีนี้ส่งออกได้ 11 ล้านตัน มาจากความต้องการนำเข้าข้าวเพิ่มขึ้นของประเทศผู้นำเข้า เช่น อินโดนีเซีย ที่คาดว่าจะนำเข้าข้าวในช่วงครึ่งปีหลังอีก 1-2 ล้านตัน ฟิลิปปินส์จะเปิดประมูลนำเข้าข้าวแบบรัฐต่อเอกชน (จีทูพี) อีก 2.5 แสนตัน และรัฐบาลระบายสต็อกข้าวได้หมด ทำให้ไม่มีแรงกดดันต่อตลาดข้าวทั้งระบบ รวมถึงค่าเงินบาทอ่อนค่า ทำให้ราคาข้าวไทยแข่งขันได้ดีขึ้น ทางด้านราคาข้าวหอมมะลิส่งออก คาดว่าจะลดลงมาเหลือ 800-900 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพราะผลผลิตเพิ่มมากขึ้น และผลจากราคาที่ปรับตัวสูงถึง 1,200 เหรียญสหรัฐต่อตัน ทำให้ผู้ซื้อชะลอการซื้อข้าวหอมมะลิจากไทย และหันไปนำเข้าข้าวจากคู่แข่งแทน ส่งผลให้การส่งออกข้าวหอมมะลิของไทยขณะนี้ลดลงประมาณ 20% ส่วนปัจจัยลบต้องติดตามนโยบายการค้าของประเทศต่างๆ เช่น มาเลเซีย ที่จะเปิดให้มีผู้นำเข้าข้าวมากขึ้น อาจส่งผลต่อการแข่งขันของข้าวไทย ฟิลิปปินส์ให้ความสำคัญกับการเปิดนำเข้าข้าวจีทูพี ทำให้การแข่งขันด้านราคารุนแรงขึ้น และจีนเปลี่ยนแปลงระบบภาษีข้าวโดยขึ้นภาษีนำเข้าข้าวกับประเทศอาเซียนจาก 5% เป็น 50% ทำให้การส่งออกไปจีนมีผลกระทบมากขึ้น