“จับทูตพาณิชย์ติวเข้มปลุกเศรษฐกิจ”

by ThaiQuote, 12 มกราคม 2559

ฉะนั้นภายใต้ภาวะอย่างนี้คนบางกลุ่มอาจจะมองว่าไม่สดใสแต่ผมมองว่ามันเป็นความท้าทาย เราเคยผ่านมาแล้วหลายยุคหลายสมัย มีการทำนายเศรษฐกิจที่เลวร้ายแต่เราก็เคยผ่านมา ยกตัวอย่างง่าย ๆปีที่ผ่านมามีการทำนายเศรษฐกิจ เดิมทีเดียวผมชอบการทำงานของแบงค์ชาตินะเวลาเขาโฟกัสเศรษฐกิจจะยิงทีเดียวเลยเท่าไหร่ เดิมเขาบอกว่าทั้งปี 2.7 ผมชอบที่เขาตั้งอย่างนี้เพราะว่าจะได้เป็นตัวทำให้เรามีแรงกระตุ้นให้วิ่งให้เต็มที่ เขาบอก 2.7 เราต้องทำให้ได้มากกว่านั้นเพราะเวลาที่เขาทำนายเขาทำนายจากตัวแปร มันก็จะมีเรื่องConsumption, เรื่อง Investment เรื่องการลงทุนอยู่ในนั้น ก็หมายความว่าเราจะไปเร่งสิ่งเหล่านี้ให้ได้

                ในยามที่เศรษฐกิจแทบจะพังทลายในปี 40 ตอนนั้นเราไปเพิ่มตัวแปรตัวนั้นตัวโน้นมันก็สามารถทำให้ดีขึ้นได้ ปีนี้แบงค์ชาติทำนายไว้ที่ 2.7 แล้วก็ปรับมาบวกอีก 2.9 ผมคิดว่าน่าลุ้นมากอาจจะเป็น 2.9 หรืออาจจะเป็น 3 พวกเราไม่ได้นั่งกอดเข่ารอดูเขาโฟกัสตัวเลข  เขาโฟกัสตัวเลขเพื่อเป็นแนวทางว่าธุรกิจที่กำลังวางแผนนั้นควรจะวางแผนตามไกด์ไลน์นี้ แต่หน้าที่ของเราก็คือว่าทำให้มันดีขึ้นซึ่งเราจะมารอดูว่าปลายปีจะเป็นเท่าไหร่ สภาพัฒน์ฯท่านปรเมธีนั่งอยู่ตรงนี้ผมไม่ค่อยชอบที่สภาพัฒน์ทำนาย เขาทำนายกว้างท่านบอกว่าปีที่ผ่านมา 3-4 % กว้างแบบนี้ไม่ต้องมือขนาดสภาพัฒน์ไม่ต้องมือขนาดท่านปรเมธี ห่างกันตั้ง 1 อย่างนี้ไม่ได้ธุรกิจเขาวางแผนลำบาก ปีหน้าเอามันแคบ ๆนะครับ ถ้าเราทำแบบแคบ ๆไม่ได้เราอาจจะถ่างแค่จุดเศษ ๆ

                ท่านทำนายปีนี้ 3-4 ใช่มั้ยแล้วท่านไปปรับว่าเท่าไหร่เอาให้มันชัด ๆ แต่ที่น่าเกลียดมากเลยคือไอเอ็มเอฟ น่าเกลียดไม่เคยหยุดเลยสมัยต้มยำกุ้งแนะนำอะไรไปถ้าทำตามก็เจ๊งไปแล้ว นี่เอาอีกแล้วเดือนตุลาคมทำนายไว้ว่า GDP ไทยโต 2.5 ถ้านักธุรกิจเชื่อตามคำทำนายนั้นวางแผนที่ 2.5 ก็หดกันหมดสิ ฉะนั้นฝรั่งมังค่าไม่ใช่ว่าเก่งเสมอไป ผมจะเรียนอย่างนี้ว่าปีที่ผ่านมาภาพรวมที่ออกมาจริง ๆผมถือว่าน่าพอใจในระดับหนึ่ง ในปีก่อนหน้านั้น GDP อยู่ที่ 0.9 ปีที่ผ่านมามันจะจบที่ 2.8 หรือ 2.9 ดีไม่ดี 3 ถามว่าอย่างนี้ดีขึ้นหรือไม่ ถ้าเรามองแค่นี้คงจะอุ่นใจว่ามันกระดึ๊บ ๆขึ้นมาแล้ว แต่ตัวสำคัญไม่ได้อยู่ตรง Year of year อยู่ที่โมเมนตั้มระหว่างควอเตอร์ทีละควอเตอร์ ปีที่ผ่านมาเริ่มควอเตอร์หนึ่งอยู่ที่ 3 แล้วก็มาที่ 2.8 แล้วก็ 2.9 อัตราการเติบโตควอเตอร์เป็นควอเตอร์อยู่ที่ 0.3 แล้วก็มา 1 ในไตรมาส 3 ผมเชื่อว่าไตรมาส 4 จะดีขึ้นกว่าในไตรมาส 3

ฉะนั้นลักษณะตรงนี้เรามองแล้วโมเมนตั้มทางการเติบโตน่าพอใจ อย่างน้อยที่สุดปีที่แล้วเราสามารถหยุดยั้งการทรุดตัวเศรษฐกิจได้เพราะช่วงนั้นความมั่นใจหายไปแล้ว เมื่อมันสามารถหยุดตรงนี้ได้ ดัชนีของท่านสุพันธุ์สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยออกมาพิสูจน์แล้วว่าความมั่นใจเริ่มกลับมา หอการค้าก็บอกแล้วว่าความมั่นใจเริ่มกลับมาแล้ว แต่ประเด็นมันไม่ได้อยู่แค่ความมั่นใจเราจะต้องแปลงความมั่นใจเหล่านั้นให้เป็นการขับเคลื่อนที่แท้จริงให้เศรษฐกิจมันเดินได้ ลำพังความมั่นใจอย่างเดียวแล้วไม่ได้ทำอะไรนี่สักพักหนึ่งไอ้ความมั่นใจเหล่านั้นมันก็จะฝ่อลงไป พอฝ่อลงไปมันก็ยุ่งกันใหญ่ชีพจรที่มันเต้นแผ่ว ๆๆมันก็จะแผ่วลงไปอีก

ฉะนั้นภารกิจสำคัญอย่างยิ่งในปีนี้ ประการแรกเลยคือคณะทำงานเศรษฐกิจจะต้องพยายามดูแลโมเมนตั้มของการเติบโตให้มันเติบโตอยูในช่วงที่พอเหมาะพอควร ผมใช้คำว่า “พอเหมาะพอควร” นะซึ่งปีนี้แบงค์ชาติทำนายแล้วว่า GDP อยู่ที่ 3.5 เราก็จะดูว่าปีนี้เราจะสามารถ Beats the market ได้หรือไม่จะพยายามให้เต็มที่ จะBeatsมันยังไง เมื่อวานนี้ออกข่าวมาผมเห็นในบางกอกโพสต์ว่า “สมคิดพูดจะให้ Export ไปอยู่ที่นั่งคนขับข้างหลัง” ผมไม่ได้พูดอย่างนั้นเพราะว่าเมื่อวานนี้ผมไม่ได้ให้สัมภาษณ์ ไม่มีใครที่อยู่ Back seat ทั้งสิ้นเครื่องยนต์ทุกเครื่องจะต้องเดินหน้าอย่างเต็มที่ เพราะว่าเรามีเครื่องยนต์อย่างนี้ไม่กี่ตัว ทุกเครื่องยนต์ต้องทำงานวิ่งเต็มที่ เช่นการส่งออกคุณจะให้เขาอยู่ที่นั่งข้างหลังได้ยังไงในเมื่อการส่งออกมูลค่าประมาณ 70 % ของ GDP

ดังนั้นเอกชน ราชการโดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์จะต้องพยายามเร่งเรื่องนี้ให้ได้ เดิมทีเขาขอตั้งเป้าว่าขอ 2 เปอร์เซ็นต์ครึ่งเติบโต Export ผมไม่ให้ ผมบอกว่าต้อง 5 % แล้วจะต้องประเมินทูตพาณิชย์และข้าราชการตรงนี้ว่าคุณทำได้ดีแค่ไหน พูดจริง ๆแล้วตัวเลข Export ปีที่แล้วนี่ที่ผ่านมามันได้สูงเลย มันเริ่มต้น 2-3 เดือนแรกที่ประมาณ 17 million แต่บังเอิญโลกปีนี้มันไม่ค่อยจะดี ซึ่งมันจะไม่ดีจริงหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ แต่ถ้าเราไปบอกว่าเอาตัวเลขต่ำ ๆไว้ก่อนมันก็ยิ่งแย่เข้าไปอีก ฉะนั้น 5 % ตั้งไว้แล้ววิ่งแข่งกับมัน กลางเดือนนี้ทูตพาณิชย์จะกลับมาที่กรุงเทพฯผมจะไปคุยกับเขา ไม่ใช่ไปข่มขู่เขาแต่ไปให้กำลังใจและแนะนำว่าจะทำยังไงให้มันได้ดีที่สุด นี่คือ Engine ตัวสำคัญ

ยังไม่จบนะครับสำหรับปาฐกถาพิเศษที่ “ดร.สมคิด” ได้กล่าวไว้ในงานสัมมนาของสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ตอนหน้าจะเป็นเรื่องของทางออกทางรอดของเศรษฐกิจในปีนี้ ส่วนจะเป็นเช่นไรอดใจไว้ตามกันต่อในตอนหน้า