เริ่มมีเค้า “ทุนจีน” บุกซื้อ ม.เอกชนไทย

by ThaiQuote, 29 สิงหาคม 2561

นพ.อุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) กล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อความเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งมีการขายกิจการให้กับกลุ่มทุนชาวจีนและปลดอาจารย์จำนวนมาก ว่า ขณะนี้มหาวิทยาลัยเอกชนทั่วประเทศมีจำนวน 73 แห่ง โดยในจำนวนนี้ก็มีทั้งกลุ่มมหาวิทยาลัยระดับชั้นนำ กลุ่มมหาวิทยาลัยระดับล่างที่คุณภาพต่ำ และจำนวนผู้เรียนลดลงกว่าร้อยละ 50 ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อมหาวิทยาลัยคุณภาพต่ำเด็กก็ไม่สนใจที่จะเข้าเรียน ดังนั้นมหาวิทยาลัยต้องมีการปรับตัวและทบทวนการดำเนินการปรับปรุงให้มีความเหมาะสม เช่น มหาวิทยาลัยเปิดสอน 10 คณะ ก็จะทำให้แต่ละคณะต่างดึงกัน ไม่มีความชัดเจน ทำให้เกิดปัญหา ซึ่งตนคิดว่ามหาวิทยาลัยควรที่จะคัดเลือกเฉพาะคณะที่มีความเข้มแข็ง มีคุณภาพ สามารถสร้างความเชื่อถือให้กับมหาวิทยาลัยได้ นำมาสร้างเป็นจุดเน้น ดึงดูดให้เด็กเข้ามาเรียน เพราะกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เองก็ไม่ได้ต้องการให้มหาวิทยาลัยปิดตัว แต่มหาวิทยาลัยจะต้องปรับตัวซึ่งต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน แต่หากมหาวิทยาลัยยังนิ่งเฉยก็จะไม่มีใครสนใจเข้ามาเรียน “เราต้องเข้าใจว่าขณะนี้จำนวนนักศึกษาถือว่าลดลงอย่างมากและเป็นไปทั่วโลก หากมหาวิทยาลัยไม่มีการปรับตัว สุดท้ายก็คงต้องปิดตัว ตัวอย่างชัดเจนที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีมหาวิทยาลัยปิดไปแล้วกว่า 500 แห่ง สำหรับปัญหาการปลดอาจารย์ ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเมื่อมหาวิทยาลัยปรับโครงสร้างก็ต้องปรับจำนวนอาจารย์ด้วย และในส่วนของการปรับหลักสูตรในอนาคตควรจะมุ่งเน้นบูรณาการหลักสูตร ซึ่งหากอาจารย์ไม่ปรับตัว สอนเฉพาะวิชาของตนเอง ก็อาจจะทำให้ไม่สามารถอยู่ได้ ดังนั้นหากมหาวิทยาลัยปรับตัว เปิดสอนในสาขาที่ตรงกับความต้องการของประเทศได้ อาจารย์ผู้สอนสามารถปรับตัวและสอนแบบบูรณาการได้ ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมีการปลดอาจารย์มหาวิทยาลัย”รมช.ศธ. กล่าว สำหรับกรณีที่มีกระแสว่ากลุ่มทุนจีนจะเข้ามาซื้อกิจการมหาวิทยาลัยไทยนั้น  รมช.ศธ.กล่าวว่า คิดว่ามีความเป็นไปได้ เพราะตอนนี้ในมหาวิทยาลัยเอกชนมีเด็กจีนเข้ามาเรียนจำนวนมาก และกลุ่มทุนจีนจะมีลักษณะเข้ามาดำเนินการอย่างครบวงจร จึงอยากเตือนมหาวิทยาลัยให้ปรับตัว และพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ด้านนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) กล่าวว่า ตอนนี้ทุกมหาวิทยาลัยได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของจำนวนเด็กที่ลดน้อยลง โดยส่วนตัวมองว่ามหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ยังไม่มีการปลดออกอาจารย์ ส่วนการชื้อขายให้แก่ทุนจีนนั้น ยังไม่มีหลักฐานชัดเจน ทั้งนี้ เท่าที่ทราบขณะนี้มหาวิทยาลัยไม่ได้มีการปรับลดจำนวนอาจารย์ หรือปลดออกอาจารย์อย่างไร เพียงแต่ส่วนใหญ่จะไม่ขออัตราอาจารย์เพิ่ม อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมหาวิทยาลัยต้องปรับตัวอย่างรุนแรง โดยทุกแห่งต้องแข่งขันกันเรื่องคุณภาพ นายสุภัทร จำปาทอง เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (เลขาฯ กกอ.) กล่าวว่า มหาวิทยาลัยเอกชนมีการเสนอขอเปลี่ยนผู้ขอรับใบอนุญาตจัดตั้งสถาบันอุดมศึกษาเอกชนทุกปี ซึ่งในปีนี้เท่าที่ทราบมีมหาวิทยาลัยที่เตรียมเสนอสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) เพื่อเปลี่ยนผู้ขอรับใบอนุญาตฯ  โดยส่วนใหญ่จะเป็นการเปลี่ยนจากรุ่นพ่อแม่มาสู่รุ่นลูก หรือบางมหาวิทยาลัยที่รุ่นลูก หรือรุ่นหลานไม่อยากทำสานต่อกิจกรรมของครอบครัว จึงจะมีการขายกิจการให้กับผู้อื่น แต่ทั้งนี้ ตาม พ.ร.บ.สถาบันอุดมศึกษาเอกชน พ.ศ.2546 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2550 ระบุไว้ว่า การบริหารงานมหาวิทยาลัยจะเป็นหน้าที่ของสภามหาวิทยาลัย ซึ่งกรรมการสภามหาวิทยาลัยจะต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย เกินกว่ากึ่งหนึ่ง ของกรรมการสภามหาวิทยาลัย ดังนั้น เชื่อว่าการเปลี่ยนผู้ขอรับใบอนุญาตจัดตั้ง เป็นเรื่องปกติของมหาวิทยาลัยเอกชน และที่ผ่านมาในระยะเวลา 10 ปี มีมหาวิทยาลัยที่ยื่นเรื่องของปิดตัวแล้ว ประมาณ 4-5 แห่งเท่านั้น โดยสาเหตุหลักคือจำนวนนักศึกษาน้อยไม่ถึง 1,200 คน ทำให้ไม่สามารถบริหารจัดการต่อไปได้