ความคืบหน้าการตรวจข้อเท็จจริง น.ส.อีสเบล วิคตอเรีย แบคเตอร์ อายุ 19 ปี นักท่องเที่ยวสัญชาติอังกฤษ ร้องเรียนกรณีเดินทางมาเที่ยวที่เกาะเต่า ได้ถูกวางยาไม่รู้สึกตัวและถูกข่มขืนหลังจากนั่งดื่มที่บาร์แห่งหนึ่งเมื่อคืนวันที่ 25 มิ.ย.61 โดยไปแจ้งกับ สภ.เกาะพะงัน แต่ตำรวจไม่ลงข้อมูลเรื่องการข่มขืนเพียงลงว่า โทรศัพท์ไอโฟน 7พลัส กับเงินสด 3,000 บาทและบัตรเดบิต จำนวน 4 ใบหายไป

เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม พล.ต.ท.สรศักดิ์ เย็นเปรม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 (ผบช.ภ.8) เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวน สภ.เกาะเต่า ได้ออกหนังสือผ่านกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 แจ้งไปยังสถานทูตอังกฤษ ประจำประเทศไทย ให้ช่วยประสานไปยังผู้เสียหายมาให้สอบปากคำ โดยได้อธิบายถึงข้อกฎหมายของไทยเกี่ยวกับอายุความของคดีที่จะครบในวันที่ 25 กันยายน 2561 นับแต่วันเกิดเหตุที่ผู้เสียหายมีการกล่าวอ้างกับสื่อที่ประเทศอังกฤษ และความจำเป็นในการสอบ ปากคำผู้เสียหาย รวมถึงการตรวจร่างกายทางการแพทย์

พล.ต.ท.สรศักดิ์ กล่าวว่า หากผู้เสียหายไม่สะดวกที่จะเดินทางมาภายในอายุความ สามารถให้ทางสถานทูตอังกฤษเข้าแจ้งความร้องทุกข์ไว้ก่อนเพื่อไม่ให้คดีความหมดอายุ โดยตอนนี้ยังเชื่อว่าการกล่าวอ้างของผู้เสียหายเป็นเรื่องจริงตามที่พูด เพียงแต่ผู้เสียหายควรมาให้ปากคำเพื่อดำเนินการขั้นตอนของกฎหมายต่อไป และหากเหตุเกิดขึ้นจริงการไปแจ้งความแล้วพนักงานสอบสวนไม่รับแจ้งจะได้ดำเนินการตามกฎหมายกับเจ้าหน้าที่ของไทยต่อไป

“ในส่วนของตำรวจภูธรภาค 8 ที่มีพื้นที่รับผิดชอบเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก ได้มีนโยบายในการรักษาความปลอดภัยและให้ความสำคัญกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาโดยตลอด ซึ่งกรณีนี้ที่ผู้เสียหายไปแจ้งความที่ สภ.เกาะพะงัน แล้วไม่รับแจ้ง เชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ที่ตำรวจจะปกปิดช่วยเหลือ สภ.เกาะเต่า เพราะผู้ที่ไม่รับแจ้งหรือปกปิดจะมีความผิดรุนแรงด้วย ” พล.ต.ท.สรศักดิ์ กล่าว