รถไฟฟ้าสีม่วงจุดเปลี่ยนสังคมไทย

by ThaiQuote, 14 มกราคม 2559

“ขอความร่วมมือกับผู้ประกอบการด้วยว่าทำยังไงจะช่วยประเทศไทยให้เข้มแข็งขึ้น แล้วก็เชื่อมโยงกับโรงงานชิ้นส่วนประกอบซึ่งผมคิดว่าเราทำได้ ชิ้นส่วนอุปกรณ์หลักก็ว่ามาแต่ส่วนประกอบภายในหรืออื่น ๆ เราก็น่าจะต้องทำเองได้บ้างเหมือนกับหลาย ๆ ประเทศรอบบ้านเขาก็ทำแบบนั้น แล้วก็พยายามใช้วัสดุอื่น ๆ ด้วย วันหน้าก็ต้องพัฒนาไปสู่การทำรางที่มีคุณภาพ ต้องไปหาอุตสาหกรรมแหล่งต้นน้ำ มันจะทำให้ประเทศเข้มแข็งไม่ใช่ว่าต้องพึ่งพาทุกอย่างไป”

เป็นประโยคสำคัญที่ทำให้เวบไซด์ Thai quote นำไปต่อยอดสืบค้นถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ โดยเฉพาะเมื่อขบวนรถไฟฟ้าหลากสีถือกำเนิดขึ้นจากปฐมบทโครงการสายสีม่วง (บางใหญ่ – เตาปูน) ถึงตอนนั้นประเทศไทยจะเป็นเช่นไร การเตรียมการในการรองรับเมื่อวันนั้นมาถึงเป็นเรื่องน่าคิดน่าติดตาม ที่น่าสนใจเป็นพิเศษก็คือหลักสูตรในรั้วมหาวิทยาลัยกับการผลิตบุคคลากรรับกระแสดังกล่าวจะเป็นเช่นไร เราลองไปฟังเรื่องราวดี ๆจาก ผศ.ดร.ศิวกร อ่างทอง คณบดีคณะวิศกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.)พูดถึงเรื่องนี้กันดีกว่า

                “ถ้าพูดถึงวิศกรที่จะมาทำงานทางด้านรถไฟ จริง ๆแล้วมันต้องอาศัยจากวิศวกรหลาย ๆด้านลำพังเพียงด้านเดียวคงทำไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่นเครื่องกลจะทำหน้าที่ในการออกแบบ ซ่อมบำรุงถ้าเป็นรถไฟระบบไฟฟ้าจะต้องมีไฟฟ้าที่ใช้ในการขับเคลื่อน โยธาก็จะเป็นเรื่องการทำระบบ การวางราง การทำสถานี ในส่วนของอิเล็กทรอนิคก็ทำหน้าที่ในการควบคุม จะเห็นว่ามันมีวิศวกรหลายสาขามากๆเบื้องต้นก็เป็นความขัดแย้งกัน หลาย ๆ คนคิดว่าทำไมเราไม่ทำวิศวะสาขาเช่นวิศวกรรมระบบรางขึ้นมา 1 สาขาประเภทที่ว่าตรง ๆ กันไปเลย แต่ในความเป็นจริงมันทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะว่าวิศวะในแต่ละสาขามันต้องมีความเป็นเฉพาะทางถ้าเรียนรู้ทุกอย่างมันจะกลายเป็นเป็ดที่ไม่สามารถทำอะไรได้เหมือนอย่างในวงการแพทย์ที่จะต้องมีแพทย์เฉพาะทาง อันนั้นมันจะไปอีกทางหนึ่งที่จะมีความเชี่ยวชาญ”

เพราะฉะนั้นในมุมมองของตนคิดว่าทำไมเราถึงไม่ทำวิศวกรรมที่เป็นวิศวะระบบรางโดยเฉพาะเพราะว่ามันไม่สามารถทำได้ในเวลาที่มีข้อจำกัด 4 ปี เด็กเหล่านี้จะไม่สามารถไปทำงานคือเราไม่สามารถสอนเด็กให้เรียนรู้ระบบรางทุกเรื่องได้ เราจึงต้องแยกกัน แยกสาขา แยกความเฉพาะเจาะจงเมื่อเรียนเป็นวิศวะแล้ว อย่างเรียนวิศวะเครื่องกลก็ไปทำหน้าที่ในการออกแบบชิ้นส่วน ถ้างานของโยธาก็ไปเรียนเรื่องของการออกแบบ การซ่อมบำรุง เราก็กลับมาคิดว่าแล้วเราจะทำแบบไหน ปัจจุบันมีหลายแห่งที่เปิดแล้ว ยกตัวอย่างเช่นที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าลาดกระบังก็เปิดแล้ววิศวกรรมระบบราง แต่ก็เป็นเครื่องกลระบบรางเหมือนกัน น่าจะมีสัก 1-2 ที่ที่กำลังเปิดอยู่

เราเองก็คิดว่าโอเคเราทำวิศวะมานานน่าจะลองทำเพื่อจะให้เด็กของเราวิศวกรของเรามีความรู้พื้นฐานพอที่จะเข้าไปทำงาน ต้องเข้าใจอย่างนี้นะครับว่าในมหาวิทยาลัยนี่เราไม่สามารถสร้างคนให้เป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญสูงได้ระดับที่เรียน 4 ปี จบปุ๊บสามารถทำงานตรงไหนก็ได้ แต่เราจะสร้างคนให้มีพื้นฐานพอที่จะเข้าไปอยู่ในเซคเตอร์ของการทำงานแล้วเข้าไปเรียนรู้ได้รวดเร็ว สามารถทำงานได้อย่างตรงตามความต้องการ นั่นคือสิ่งที่เรามีความพยายาม

ผศ.ดร.ศิวกร ยังได้กล่าวต่อว่าเราได้พัฒนาหลักสูตรของคณะวิศวะ เห็นว่าเรื่องของวิศวกรรมระบบรางมีส่วนที่เข้ามาเกี่ยวข้องในชีวิตของเราเลยทำหลักสูตรใหม่ขึ้นมา 1 หลักสูตรโดยพัฒนาหลักสูตรจากวิศวกรรมเครื่องกลเดิมที่เรามีอยู่แต่ก็ยังสามารถทำงานด้านวิศวกรรมเครื่องกลได้ โดยวิศวกรรมกลุ่มนี้จะมีความเชี่ยวชาญมีความรู้พื้นฐานพอจะไปทำงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านระบบรางได้ก็คือมีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ เราจะใส่รายวิชาทางด้านระบบรางให้เขาเพื่อสามารถออกไปแอพพลายส์ใช้กับความรู้เครื่องกลเดิมที่มีอยู่ เป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านนี้นอกเหนือไปจากที่เป็นวิศวกรรมเพียวด้านเครื่องกล ก็เลยทำหลักสูตรออกมา

                ถามว่าความแตกต่างมีเยอะมั้ยต้องบอกว่าด้วยข้อจำกัดที่บอกว่าจะต้องเอากว.เครื่องกลด้วย มันจะมีแค่ประมาณสักถ้าผมจำไม่ผิดในหลักสูตรน่าจะมีประมาณ 1617 หน่วยที่มีความต่าง ที่เด็กสามารถเลือกลงรายวิชาที่เกี่ยวข้องกับระบบราง

                ส่วนประเด็นที่ว่าหลักสูตรของเรากับมหาวิทยาลัยอื่นต่างกันหรือไม่ เรื่องนี้ได้รับการชี้แจงว่าจะมีความต่างกันบ้างเล็กน้อยตามลักษณะของแต่ละที่แต่ละแห่ง สำหรับของมทร.ที่จะเปิดนั้นจะพยายามเปิดให้มีความโดดเด่นตามปรัชญาของมหาวิทยาลัยว่า เราต้องการสร้างวิศวกรที่เป็นนักปฏิบัติเพราะฉะนั้นเราก็มานั่งคุยกันว่าเราจะเปิดรับเด็กปวส.ที่จบทางด้านเครื่องกล ปวส.ทางด้านช่างยนต์เดิมหรือช่างกลประเภทอื่น ๆเพราะเด็กปวส.จะมีทักษะมีพื้นทางด้านปฏิบัติดีอยู่แล้ว เราก็เอามาใส่ให้เป็นวิศวกรรมระบบราง ซึ่งจะใช้ระยะเวลาสั้น ไม่ต้องเป็นห่วงในเรื่องความอดทนของเด็ก เรื่องของนิสัยในการทำงาน ความเป็นช่างเด็กเขามีอยู่แล้วนี่คือจุดเด่นของที่เราจะเปิด

                เราเปิดหลักสูตรตามสภาวิชาชีพของเรา คือการทำหลักสูตรของที่นี่ไม่ได้คำนึงถึงว่าเราทำหลักสูตรให้มันมีหลักสูตรขึ้นมา เราคำนึงว่าเด็กของเราจบไปจะไปประกอบอาชีพอะไร ถ้าเขาไม่สามารถไปอยู่ในวงการวิศวกรรมทางด้านโดยตรง เขาจะสามารถทำอาชีพอื่น ๆได้ วิศวกรรมดครื่องกลทำที่อื่น ๆก็ได้ ทำในโรงงานอื่น ๆก็ได้ เพราะว่าเขาถือใบประกอบวิชาชีพวิศวกรรมเครื่องกล ตราบใดถ้าเกิดเขาถือใบประกอบวิชาชีพวิศวกรรมระบบรางอย่างเดียวมันไม่ได้ ไปทำอย่างอื่นไม่ได้มันก็มีข้อจำกัด

ตอนท้ายของการสัมภาษณ์คณบดีคณะวิศกรรมศาสตร์ มทร.ได้กล่าวทิ้งท้ายไว้น่าสนใจว่าการที่ประเทศไทยจะมีโปรเจ็กต์ขนาดใหญ่ในการพัฒนาระบบราง แน่นอนย่อมต้องใช้บุคลากรจำนวนหลายหมื่นคน จากตัวเลขของสวทน.ประมาณว่า 4 -5 หมื่นคนเฉพาะทางด้านวิศวกรไม่เกี่ยวกับคนงาน มันต้องมีการเตรียมความพร้อมแล้วคนกลุ่มนี้ไม่ใช่สร้างเสร็จมันก็จะจบ เพราะว่าตอนนี้เราสร้างเราสร้างเฉพาะเมนโรด ระบบมันจะต้องขยายออกไปเยอะ ฉะนั้นถึงแม้ว่าการลงทุนครั้งแรกจะแพงแต่ในที่สุดมันจะขนส่งได้เยอะแล้วก็ประหยัด

                เพราะฉะนั้นคิดว่าการเปิดหลักสูตรในครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นการทำตามนโยบายของรัฐประการแรก  อีกประการก็คือตัวของมหาวิทยาลัยเองก็คงจะต้องเคลื่อนไหวเพื่อที่จะส่งเสริมนโยบายของรัฐด้วย แล้วก็เตรียมความพร้อมให้เด็กของเราเหมือนกันว่าในเมื่อเขาจบไปต้องไปทำงานในกลุ่มนี้