วุ่นอีก!! พวกหัวใสอาสากดเงิน "บัตรคนจน" หักหัวคิว

by ThaiQuote, 12 กันยายน 2561

จากนโยบายรัฐบาลที่ต้องการช่วยเหลือผู้รายได้น้อย เดือนละ 500 บาท โดย 300 บาทใช้รูดบัตรซื้อสินค้าจากร้านประชารัฐ ส่วนอีก 200 บาทสามารถไปกดเงินสดจากธนาคารกรุงไทยได้ ล่าสุด พบว่ามีปัญหามากมายกับการกดเงินสดจำนวน 200 บาทจากเอทีเอ็ม เนื่องจากผู้สูงอายุไม่เข้าใจขั้นตอนการใช้บัตรกดเงิน มักจะหลงๆ ลืมๆ บางคนกดเอาเงินมาแล้ว บางคนทำบัตรหาย ไม่ได้ดึงออกจากตู้ ATM เมื่อได้เงินแล้วก็ลืมหยิบบัตรมาด้วย บางคนก็กดตามขั้นตอน ตามที่มีข้อความแนะนำขั้นตอน ที่ติดแปะไว้หน้าตู้เอทีเอ็ม แต่ก็กดไม่ได้ ในขณะเดียวกันก็มีคนเดินทางมาใช้บริการเยอะมาก ทำให้เกิดความแออัด แย่งกันเข้าคิว ตั้งแต่ 08.00-11.00 น.ก็ยังกดไม่ได้ เดือดร้อนพนักงานของธนาคารต้องออกมาชี้แจง แต่ก็กดให้ไม่ได้เพราะเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล ต้องเก็บเป็นความลับ นอกจากมอบหมายให้บุตรหลานมากดให้ และจากการกดเงินโดยใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุ แต่ละคนจะใช้เวลานานมาก เนื่องจากไม่เข้าใจขั้นตอนการกด จึงเป็นปัญหาให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอย่างมากในขณะนี้ ทั้งนี้ เป็นเหตุได้เกิดอาชีพใหม่ขึ้น คือมีพวกหัวใสอาสาไปกดเงินแทน โดยหักค่าเดินทาง จะมีนายหน้าเดินเก็บบัตรสวัสดิการแห่งรัฐตามหมู่บ้าน บอกอาสาจะไปกดเงินให้ โดยที่ไม่ต้องไปเอง เพียงแต่จดรหัสแนบมากับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของแต่ละคน โดยผู้ที่มากดเงินให้จะหักค่าหัวคิวรายละ 20-40 บาท ซึ่งชาวบ้าน ก็ยินยอม เนื่องจากหากเดินทางมากดเอทีเอ็มในเมืองหรือที่ธนาคารจะเสียใช้จ่ายมากกว่าที่ได้จำนวน 200 บาท หากฝากมากดเงิน ก็จะเหลือเงินมากกว่าที่จะเดินทางมากดเงินจากเอทีเอ็มเอง สำหรับบรรยากาศที่หน้าธนาคารกรุงไทย อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว พบมีผู้สูงอายุมากดเงินจากตู้ ATM ต่อคิวยาว ซึ่งส่วนใหญ่จะกดไม่ค่อยได้ และหลายคนเดินทางมาจากอำเภออื่นมากดที่นี่ เนื่องจากที่อำเภออื่นก็มีคนต่อคิวยาวเช่นเดียวกัน แต่เมื่อมาที่ อ.วัฒนานครก็เจอปัญหา เพราะตู้เอทีเอ็มมีผู้มาใช้มากจนเกิดขัดข้องใช้ได้เพียงเครื่องเดียว ต้องรอช่างมาซ่อม อย่างไรก็ตาม หากมีการสวมสิทธิ์กดเงินแทนและมีการหักหัวคิวจริง ยอมรับว่าขัดต่อเจตนารมณ์ของโครงการที่ต้องการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยที่อยากให้เม็ดเงินถึงมือแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย รัฐบาลก็ต้องเร่งเข้าไปดำเนินการแก้ไข และถ้าพบผู้กระทำผิดก็ต้องดำเนินการให้ถูกต้อง แต่ก็เชื่อว่าผู้ได้รับสิทธิ์บัตรสวัสดิการ เช่นกลุ่มผู้สูงอายุไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้โครงการเกิดการรั่วไหล น่าจะเป็นความไม่เข้าใจในขั้นตอนมากกว่า และยืนยันว่าแม้จะมีเหตุการณ์ดังกล่าว รัฐบาลก็จะไม่มีการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขโครงการใหม่อย่างแน่นอน