พท.-ปชป.ผสมพันธุ์ เพ้อตั้งรัฐบาล

by ThaiQuote, 27 กันยายน 2561

สิ้นเสียง “บิ๊กตู่” บรรดานักเลือกตั้ง ต่างออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางเช่นเคย มีนัยสำคัญให้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออกจากหัวหน้า คสช. และให้ “คสช.วางปืน” เพื่อให้เกิดการแข่งขันทางการเมืองอย่างเท่าเทียม ตลอดรยะเวลากว่า 4 ปี ที่ “คสช.ทำรัฐประหาร” ย่อมเป็นบทเรียนล้ำค่าของนักการเมืองที่ไม่อาจทำหน้าที่ของตนเองได้ตามระบอบประชาธิปไตย ไฟแห่งความขัดแย้งที่เกิดขึ้นก่อนที่ คสช.จะตัดสินใจยึดอำนาจเป็นบาดแผลร้าวลึกที่คนไทยทั้งแผ่นดินไม่ประสงค์จะให้เกิดขึ้นซ้ำสองอีก ซึ่งยังคงเป็นคำถามใหญ่ของนักการเมืองที่ยังไม่สามารถหาคำตอบให้กับสังคมนี้ได้??? โฟกัส 2 พรรคใหญ่ “ประชาธิปัตย์” และ “เพื่อไทย” ที่ตกอยู่ในภาวะ “ปากกล้า...ขาสั่น” ในการประชุมใหญ่วิสามัญพรรคครั้งแรก หลังจาก คสช. คลายล็อกทางการเมืองเมื่อวันก่อนดำเนินไปด้วยความคึกคัก โดย ปชป.มีวาระพิจารณาให้ความเห็นชอบข้อบังคับพรรคฉบับใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ว่าด้วยกฎหมายพรรคการเมือง ท่ามกลางกลางกระแสข่าวว่า “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรค ปชป. ได้หารือลับๆ กับ “โภคิน พลกุล” อดีตประธานรัฐสภา ฟากฝั่งเพื่อไทย ที่ว่ากันว่าหอบข้อมูลของ “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร มาเจรจา เพื่อต่อกรกับพรรคทหาร ภายในสำนักงานกฎหมายธรรมนิติของ “ไพศาล พืชมงคล” กุนซือใหญ่กฎหมายของ “บิ๊กป้อม” ข่าวนี้ใครได้ยินได้ฟังฟันธงว่าแค่ “นิยายน้ำเน่า” ไม่น่าจะมีความเป็นไปได้ เพราะความบาดหมางระหว่าง ปชป.และ พท.ร้าวลึกเกินกว่าที่จะมา “จูบปาก” ทำงานการเมืองด้วยกัน แถมออฟชั่นยกเก้าอี้ตัวใหญ่นายกรัฐมตรีให้กับ “เดอะมาร์ค” แน่นอน อภิสิทธิ์ และ โภคิน ต่างออกมาปฏิเสธไปในทิศทางเดียวกัน โดยยอมรับว่าเขาทั้งสองคนได้พบปะพูดคุยกันจริง แต่เป็นเรื่องการเมืองทั่วไป ไม่ได้ลงลึกถึงการประเคนเก้าอี้นายกฯ ให้กันแต่อย่างใด อภิสิทธิ์ยืนกรานว่า วันนี้ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ส่วนการทำงานการเมืองในอนาคตเขามีจุดยืนอุดมการณ์ที่แน่วแน่สม่ำเสมอ จะไม่ทำงานร่วมกับ พท.ภายใต้ระบอบทักษิณ ....นั่นย่อมหมายความว่า หากเพื่อไทยยืนยันว่า พวกเขาปลดแอกจากทักษิณ ก็ย่อมมีสิทธิ์ที่จะทำงานร่วมกันได้!!! ข้ามมาฝั่งเพื่อไทย เสี่ยอ้วน ภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการณ์เลขาฯ เพื่อไทย บอกจุดยืนของพรรคเพื่อไทยชัดเจนว่า “เพื่อไทยสามารถทำงานกับฝ่ายประชาธิปไตยได้ทุกพรรค กรณี ปชป. ถ้ามีจุดยืนว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย และไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ สืบทอดอำนาจ ก็สามารถทำงานการเมืองร่วมกันได้ ซึ่งก็มีจุดมุ่งหมายเพื่อนำพาประเทศหลุดพ้นจากสภาพที่เป็นอยู่ ให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้น” จับชีพจร 2 พรรค คอการเมืองเห็นว่า นี่คือการสวนหมัดกลับ “บิ๊กตู่” ในทางการเมือง ไม่มีอะไรแน่นอน หากผลประโยชน์ลงตัว ทุกอย่างย่อมเกิดขึ้นได้ สอดรับกับคลื่นลูกใหม่ ปชป. ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ป้ายแดง “น้องปลื้ม” สุรบถ หลีกภัย บุตรชาย นายหัวชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษา ปชป. เห็นว่าการเมืองยุค 4.0 ต้องหยุดความขัดแย้ง คิดต่างได้ แต่ต้องไม่แตกแยก เพราะการแตกแยกเกิดมานานเกินไป และควรจะต้องหยุด โดยใช้วิธีการพูดคุยกันด้วยเหตุผล ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าคนรุ่นใหม่ไม่สนใจอดีตและมองอนาคตว่าจะก้าวไปอย่างไร “ส่วนการที่พรรคเพื่อไทยจะจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ ก็เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ แต่หากเป็นกลุ่มวัยรุ่น ผมเองสามารถคุยกันได้ เชื่อว่าไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน เพราะเราตั้งใจ” จากรุ่นโจ๋มาส่องความเห็นของผู้เฒ่าวังน้ำเย็นวัย 85 ปี “เสนาะ เทียนทอง” ประธานที่ปรึกษาเพื่อไทย ที่ออกมาปลุกเร้าพี่น้องเพื่อไทยสาวกทักษิณกันบ้าง “ที่ผ่านมาเราเป็นไทยรักไทยตั้งแต่ปี 43 เรามีโอกาสได้จับมือกับน้องที่รักคือทักษิณ ชินวัตร เปิดตัวครั้งแรกพรรคไทยรักไทย เราได้ ส.ส. 207 คน จากจำนวนผู้แทน 400 คนในสภา และได้บัญชีรายชื่ออีก ทำให้เราได้สมาชิกเกินกว่าครึ่ง ทักษิณบริหารประเทศจนมีชื่อเสียงโด่งดัง มีนโยบายดีๆ เช่น 30 บาทรักษาทุกโรคซึ่งใช้มาถึงทุกวันนี้ วันนี้เราได้มาพบกันก็ยังหนาแน่น ที่ไม่ได้มาก็เยอะ ถูกดูดไปก็หลาย แต่เราไม่ย่อท้อ ถึงอย่างไรพรรคเพื่อไทยก็เป็นที่ 1 รับรองได้ชนะห่างด้วย เราได้ ส.ส.200 คนขึ้นไปแน่นอน อย่าไปหวั่นไหวว่าเขาจะตั้งรัฐบาลได้  ถ้าเราชนะ ส.ว.250 คนของเขาก็ตั้งรัฐบาลไม่ได้ ถึงตั้งได้ก็อยู่ไม่ได้” ในความเคลื่อนไหวของหัวหน้า คสช. และในฐานะผู้นำรัฐบาล “บิ๊กตู่” ได้ส่ง SMS กลับถึงผู้เฒ่าวังน้ำเย็น ว่า “ควรกลับบ้านไปเลี้ยงหลาน และต้องให้เกียรติประชาชน” บริบทแห่งการต่อรองนี้ แม้ปฏิบัติการผสมพันธุ์ข้ามสายเผ่าพันธุ์จะมีโอกาสเป็นไปได้ยากยิ่ง แต่ก็มิได้หมายความว่า “เป็นไปไม่ได้ หากสมประโยชน์” ซากศพแดง-เหลืองจะมีค่าอันใด คนตายก็ตายไป.... คนติดคุกติดตะรางก็ติดไป ปลาซิวปลาสร้อยที่รับใช้อำนาจวาสนาของนายทุนพรรค มิอาจโต้แย้ง ก้มหน้ารับชะตากรรมจากผลกรรมทุจริตคอร์รัปชันจำนำข้าว จำนำประเทศ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดใดที่อดีต รมต. แกนนำเพื่อไทย และประชาธิปัตย์ จะตัดสินใจครั้งสำคัญ ภายใต้ลมใต้ปีก “กลุ่มสามมิตร” ตีแหกฝ่าวงล้อมกลเกมการเมืองเดิมๆ สู่ถนนการเมือง “พลังประชารัฐ...ไทยนิยมยั่งยืน” นั่นเอง ซึ่งเชื่อว่าสปอตไลต์จะจับจ้องไปที่การเปิดตัวของพรรคพลังประชารัฐ ที่แย้มมาว่าจะมีบิ๊กเซอร์ไพรส์เปิดตัวพรรคในวันเสาร์ที่ 29 กันยายนนี้. โดย บิ๊กโอ   ข่าวที่เกี่ยวข้อง   https://www.thaiquote.org/content/47124 https://www.thaiquote.org/content/47120 https://www.thaiquote.org/content/47129