นายสุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า สสว. ได้ดำเนินการโครงการส่งเสริมพัฒนาตลาดอิเล็กทรอนิกส์สำหรับ SMEs หรือ ‘SMEs ONLINE’ อย่างต่อเนื่อง โดยร่วมมือกับ 4 หน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED) จนสามารถส่งเสริมให้เอสเอ็มอีรายใหม่มีทักษะในการทำการตลาดออนไลน์ และมีช่องทางการจำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้น ในรูปแบบ Business to Business to Customer (B2B 2C) รวมทั้งพัฒนาเอสเอ็มอีที่ค้าขายออนไลน์อยู่แล้วให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ มีผู้ประกอบการที่เข้ารับการอบรมผ่านโครงการดังกล่าว ทั้งในช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ที่อบรมเอสเอ็มอีไปแล้ว  10,000 รายทั่วประเทศ การสนับสนุนผู้ประกอบการใหม่ที่เข้าร่วมอบรมมากถึง 50% ในการเตรียมทำการตลาดออนไลน์เบื้องต้น รวมทั้งการเปิดร้านค้าออนไลน์กับ e-Marketplace ที่เข้าร่วมโครงการ สำหรับ e-Marketplace ที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อเป็นช่องทางในการจำหน่ายสินค้าของเอสเอ็มอีมีทั้งสิ้น 11 รายด้วยกัน ประกอบด้วย Shopee, Buzzebees, Lnwmall, welovershopping, Tarad.com,  Thailandmall, smesiam, Lnwshop, Beautynista, Shopseason, Pinsouq ซึ่งแต่ละรายต่างร่วมมอบสิทธิพิเศษต่างๆ ให้เอสเอ็มอีได้มีโอกาสทดลองค้าขายและสร้างรายได้ผ่านช่องทางออนไลน์ ปรากฏว่ากลุ่มสินค้าที่ขายดีจะเป็นสินค้ากลุ่มแฟชั่น ของตกแต่งบ้าน และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่การดำเนินงานโครงการ SMEs ONLINE ในปีนี้ มีผู้ประกอบการให้ความสนใจรับการถ่ายทอดความรู้จากโครงการกว่า 52,000 ราย มีสินค้าและบริการเข้าร่วมจำหน่ายผ่านทางออนไลน์กว่า 62,000 รายการ และสามารถสร้างยอดขายให้กับผู้ประกอบการกว่า 110 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในส่วนของผู้ประกอบการที่ยังคงต้องการความช่วยเหลือนั้น ขณะนี้ความคืบหน้าเรื่องของการควบรวม 2 กองทุน คือ กองทุนพลิกฟื้นและกองทุนฟื้นฟู SMEs ให้เป็นกองทุนใหม่มูลค่า 1,800 ล้านบาทนั้น จะเข้าสู่การพิจารณาเห็นชอบของคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธาน ในประมาณกลางเดือนตุลาคม 61 ที่จะถึงนี้ “ที่ผ่านมา สสว.ได้ดำเนินการอนุมัติสินเชื่อผ่านกองทุนเดิมไปแล้วประมาณ 3,000 ราย และมีการติดตามผลพบว่าผู้ประกอบการที่ได้รับเงินจากกองทุนดังกล่าว พบว่า มีผู้ประกอบการที่สามารถพัฒนาธุรกิจได้ดีขึ้น 37% และมีผู้ประกอบการที่สามารถดำเนินธุรกิจได้ต่อ 42% ส่วนที่เหลือประมาณ 21% ธุรกิจยังไม่ได้ดีขึ้นหรือย่ำแย่กว่าเดิม ซึ่งตัวเลขเกือบ 80% สามารถพิสูจณ์ได้ว่ากองทุนนี้ได้ก่อเกิดประโยชน์จริงต่อผู้ประกอบการ แต่ด้วยความล่าช้าในการอนุมัติสินเชื่อในกองทุนดังกล่าว สสว.จึงต้องเสนอให้ SME Bank ซึ่งมีช่องทางในการกระจายสินเชื่อจากกองทุนในทั่วถึงกว่านั้นเป็นผู้ดำเนินการแทน” อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการดำเนินการในกองทุนใหม่นี้ สสว.ยังคงดำเนินการติดตามผลหลังจากที่ผู้ประกอบการได้รับสินเชื่อไปแล้วต่อไป เพื่อนำเครื่องมือด้านการส่งเสริมการตลาดเข้าไปเสริมพัฒนาเพื่อให้ธุรกิจของผู้ประกอบการมีศักยภาพทางการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้นได้   ข่าวที่เกี่ยวข้อง https://www.thaiquote.org/content/46763 https://www.thaiquote.org/content/46271