วันที่ 5 ต.ค. 2561 พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า ได้เจรจากับผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส ให้กำหนดค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวตลอดเส้นทางไม่เกิน 65 บาท/เที่ยว เพราะหากให้จัดเก็บตามระยะทาง จะทำให้ค่าโดยสารสูงถึง 142 บาท/เที่ยว ซึ่งจะทำให้ภาระตกกับประชาชนมากเกินไป

ทั้งนี้ ปัจจุบันบีทีเอสเก็บค่าโดยสารเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่อัตราสูงสุดคือ 59 บาท/เที่ยว  โดยในส่วนเส้นทางสัมปทานเดิมเก็บไม่เกิน 44 บาท/เที่ยว และส่วนต่อขยายที่ กทม.จ้างเดินรถจัดเก็บ 15 บาท/เที่ยว ขณะที่ส่วนต่อขยายทั้งด้านเหนือและใต้จะเปิดให้บริการเพิ่ม โดยด้านใต้ ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ จะเปิดบริการใน ธ.ค.2561 ส่วนด้านเหนือ ช่วง หมอชิต-สะพานใหม่- คูคต จะเปิดให้บริการในปี 2563 จะทำให้ระยะทางยาวขึ้นเป็น 60 กิโลเมตร

"ทั้งเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวจะต้องมีราคาไม่เกิน 65 บาท/เที่ยว หากเกินกทม.จะไม่เอา ซึ่งบีทีเอสอยู่ได้เพราะมีคนใช้บริการเยอะ และจากการที่พูดคุยอย่างไม่เป็นทางการก็ยอมรับกันด้วยดี" พล.ต.อ.อัศวิน กล่าว

อย่างไรก็ตาม กทม.จะเจรจาทบทวนสัญญาสัมปทานกับบีทีเอสใหม่ เนื่องจากขณะนี้สัญญาเดิมเหลืออยู่ 10 ปี แต่เงื่อนไขใหม่จะปรับอายุสัมปทานให้บีทีเอสออกไปอีก 20 ปี แต่มีเงื่อนไขให้รับผิดชอบหนี้สินที่กทม.รับโอนทรัพย์สินส่วนต่อขยายทั้งสองด้านจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) มูลหนี้รวมดอกเบี้ย 1 แสนล้านบาทแทนในระยะเวลา 10 ปี และช่วงที่ 2 ในระยะเวลาอีก 10 ปี จะให้บีทีเอสจ่ายค่าเช่าที่ดินให้กทม.ในอัตราเป็นขั้นบันได โดยปีแรกราว 5,000 ล้านบาท จนถึงปีที่ 10 ที่จะต้องจ่ายราว 4-5 หมื่นล้านบาท

โดยจากนี้ กทม.จะนำเสนอเรื่องดังกล่าวต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ในเดือน พ.ย.นี้ รวมถึงเสนอสัญญาสัมปทานฉบับใหม่เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ จากนั้น กทม.จึงจะลงนามสัญญากับบีทีเอส ก่อนเปิดเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ในเดือน ธ.ค. 2561 ต่อไป