นายสำเริง แสงภู่วงค์ รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤติ เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ ประจำวันที่ 6 ต.ค.61 ว่าวันนี้ภาคใต้มีฝนตกชุกหนาแน่นกับมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยคาดว่ามีพื้นที่เสี่ยงฝนตกหนักถึงหนักมาก 16 จังหวัด ในภาคใต้ ได้แก่ เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ระนอง พังงา กระบี่ ภูเก็ต ตรัง สตูล ยะลา ปัตตานี นราธิวาส ขณะที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนบน เริ่มมีฝนลดลงแล้ว โดย 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีฝนตกหนักถึงหนักมากในภาคภาคตะวันตก ได้แก่ จ.เพชรบุรี 147 มม. ประจวบคีรีขันธ์ 137 มม.กาญจนบุรี 90 มม. ราชบุรี 75 มม. ภาคตะวันออก จ.ระยอง 119 มม. และภาคใต้ จ.นครศรีธรรมราช 116 มม. นราธิวาส 92 มม. ชุมพร 90 มม. สงขลา 79 มม. ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนเล็กน้อยถึงปานกลาง อย่างไรก็ตาม จากปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่ขณะนี้ สอดคล้องกับการคาดการณ์สถานการณ์และแนวโน้มฝนในช่วงเดือนตุลาคม ซึ่งศูนย์เฉพาะกิจฯ มีการแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการน้ำในเขื่อนเพื่อรองรับฝนล่วงหน้า โดยเฉพาะเขื่อนในภาคตะวันตก และภาคใต้ ที่มีปริมาณน้ำในเขื่อนมากและต้องเฝ้าระวังจำนวน 2 แห่ง ได้แก่ เขื่อนแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี และเขื่อนปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเขื่อนแก่งกระจาน ในช่วง 1 – 2 วันนี้ พบว่าฝนตกในพื้นที่เหนือเขื่อนบริเวณอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ปัจจุบันมีปริมาณน้ำ 648 ล้าน ลบ.ม. เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 11 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 91% จากเมื่อวาน 89 % ปริมาณน้ำไหลเข้าวันละ 18.68 ล้าน ลบ.ม. จากเมื่อวาน 5.33 ล้าน ลบ.ม. มีปริมาณน้ำไหลออกวันละ 11.41 ล้าน ลบ.ม. จากเมื่อวาน 6.05 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งศูนย์เฉพาะกิจฯ ได้เน้นย้ำการบริหารจัดการน้ำลุ่มน้ำเพชรบุรี ทั้งนี้ หากเพิ่มการระบายน้ำเพื่อรองรับปริมาณน้ำที่ไหลลงอ่างฯ ที่เพิ่มขึ้น จะต้องส่งผลกระทบกับพื้นที่ท้ายน้ำน้อยที่สุด ขณะที่เขื่อนปราณบุรี ปัจจุบันแม้ว่าปริมาณความจุน้ำในเขื่อนอยู่ที่ 81 % หรือ 317 ล้าน ลบ.ม. แต่เนื่องจากมีฝนตกในพื้นที่ต่อเนื่อง ส่งผลให้มีน้ำไหลเข้าอ่างในวันเดียวสูงถึง 30 ล้าน ลบ.ม. ขณะที่การระบายออก 2.2 ล้าน ลบ.ม. จึงยังต้องติดตามสภาพอากาศในระยะ 3 วันนี้เพื่อบริหารจัดการน้ำในเขื่อนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ หากจำเป็นต้องระบายน้ำเพิ่มเติมต้องมีการแจ้งเตือนพื้นที่ท้ายอ่างล่วงหน้าต่อไป “สถานการณ์น้ำในเขื่อนทั้งสองอ่างฯ ขณะนี้ไม่น่าเป็นห่วงมากนัก เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้บริหารจัดการน้ำในเขื่อนเพื่อรองรับปริมาณน้ำฝนที่คาดว่าจะตกลงมาเพิ่มเติม จึงยังมีพื้นที่สามารถรองรับปริมาณน้ำได้อยู่ แต่ก็ยังต้องเฝ้าระวัง และจับตาสถานการณ์ฝนอย่างใกล้ชิดด้วย” นายสำเริง กล่าว ข่าวที่เกี่ยวข้อง https://www.thaiquote.org/content/48360