นายภาณุเดช เกิดมะลิ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร เปิดเผยถึงกรณีที่จะเปิดถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย ให้ประชาชนได้มาท่องเที่ยว โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.นี้ ว่า ต้องตรวจสอบว่าพื้นที่ส่วนใดในถ้้ำหลวงฯ ที่จะเปิดให้ประชาชนได้ท่องเที่ยว ซึ่งหากเปิดเฉพาะโถงบริเวณหน้าถ้ำก็คงไม่มีปัญหากระทบกับระบบนิเวศภายในถ้ำ แต่หากเปิดพื้นที่ทั้งหมด เกรงว่าระบบนิเวศภายในที่ต้องใช้ระเวลาฟื้นฟูอาจเกิดปัญหา "ถ้ายังไม่มีการสำรวจอย่างชัดเจนว่าพื้นที่ใดสามารถท่องเที่ยวได้ หวั่นว่าจะยิ่งสร้างผลกระทบให้กับพื้นที่ภายในถ้ำหลวง เนื่องจากช่วงที่มีการช่วยเหลือนำผู้ที่ติดถ้ำทั้ง 13 คนออกมา ระบบนิเวศน์ภายในก็ได้รับผลกระทบมากแล้ว" นายภาณุเดช กล่าว   เลขาธิการมูลนิธิสืบฯ กล่าวอีกว่า คาดการณ์ว่าหากเปิดถ้ำหลวงให้ท่องเที่ยว จะมีนักท่องเที่ยวสนใจเข้ามายังพื้นที่จำนวนมากอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่อยากฝากสำหรับทีมสำรวจพื้นที่เพื่อเตรียมเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวนั้น จะต้องดูว่ามีการฟื้นฟูไปแล้วมากแค่ไหน และพื้นที่ใดที่จะเปิดให้ท่องเที่ยว เพราะอย่างที่บอกไว้ถ้าเป็นโถงด้านหน้าก็คงไม่มีปัญหา แต่หากเข้าไปลึกกว่านั้นอาจจะกระทบกับระบบนิเวศภายในถ้ำ ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เวลาฟื้นฟูตามธรรมชาติราว 1 ปี ข่าวที่เกี่ยวข้อง 1 พ.ย.เปิด “ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน” รับนักท่องเที่ยว