นายมนตรี ฤกษ์จำเนียร ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง การท่าเรือแห่งประเทศไทย(กทท.) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าของโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 วงเงิน 140,000 ล้านบาท ขณะนี้ยังคงเป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ โดยโครงการพัฒนาดังกล่าวอยู่ระหว่างเตรียมเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี(ครม.) สัปดาห์หน้า ในการกู้เงิน 47,000 ล้านบาท ก่อนเปิดขายซองเอกสารเงื่อนไขการประกวดราคา (TOR) ในปลายปีนี้และเปิดให้เอกชนยื่นข้อเสนอในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 และลงนามสัญญาในเดือนมีนาคม 2562 ด้านแผนแม่บทการพัฒนาท่าเรือคลองเตย วงเงิน 100,000 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดตั้งบริษัทบริหารทรัพย์สินที่ดิน โดย กทท.จะเป็นถือหุ้น 100% คาดว่าจะจัดตั้งได้ภายในปลายปีนี้ โดยพื้นที่คลองเตยของการท่าเรือนั้นแบ่งเป็นการพัฒนาพื้นที่ได้แก่ แปลง A ประกอบด้วย อาคารศูนย์พัฒนาพาณิชยนาวี, ศูนย์โลจิสติกส์และกระจายสินค้า,อาคารสำนักงาน, ศูนย์การค้าธุรกิจทันสมัยครบวงจร, ที่อยู่อาศัย และสำนักงานเขตคลองเตย ในส่วนพื้นที่แปลง B ประกอบด้วย สถานีบรรจุสินค้าเพื่อการส่งออก และสถานีขนส่งทางรถไฟกระจายสินค้า ขณะที่พื้นที่แปลง C จะมีการพัฒนาเป็นอาคารศูนย์บริการจุดเดียวเบ็ดเสร็จและศูนย์ประชุมครบวงจร ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 6 เดือนในการศึกษาและจัดแบ่งแปลงต่างๆ ขณะเดียวกัน ตามที่ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายให้ กทท.พัฒนาท่าเรือแหลมฉบังให้เป็นท่าเรือระดับโลกและภูมิภาครองรับสินค้าจากมหาสมุทรแปซิฟิกควบคู่ไปกับท่าเรืออื่นๆ ในพื้นที่ เขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) รวมถึงเร่งพัฒนาท่าเรือฝั่งทะเลอันดามันโดยเฉพาะจังหวัดระนอง เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งสินค้ากับกลุ่มประเทศ BIMSTEC นั้น ในส่วนของแผนการพัฒนาการขนส่งสินค้าเชื่อมกลุ่มประเทศ BIMSTEC (มีสมาชิก 7 ประเทศ คือไทย บังกลาเทศ ศรีลังกา อินเดีย เมียนมา เนปาล และภูฏาน) ปัจจุบันผลการศึกษาเสร็จแล้วและเตรียมลงนามบันทึกความร่วมมือ(MOU) เพื่อเชื่อมการขนส่งสินค้าจากท่าเรือระนองไปยังท่าเรือใน 3 ประเทศ ดังกล่าวได้แก่ เมืองเชนไน อินเดีย เมืองจิตตะกอง บังกลาเทศ เมือง และเมืองโคลัมโบศรีลังกา คาดว่าจะใช้เวลา 1 ปีในการเปิดเดินเรือเส้นทางดังกล่าวได้ในปี 2563