ไทยกำลังจะเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย แต่ทำไมเด็กจบใหม่ถึงตกงาน??

by ThaiQuote, 13 ตุลาคม 2561

แต่ตัวเลขอัตราการว่างงานในไตรมาสแรกของปีนี้กลับเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 1.3 หรือประมาณ 4.7 แสนคน นับว่าสูงสุดในรอบ 8 ปี ตามผลการสำรวจโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ   ที่น่าแปลกใจ! ก็คือประเทศไทยมีอัตราการว่างงานต่ำมาโดยตลอด แต่ตอนนี้กลับประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานเข้าขั้น ‘รุนแรง’   ส่วนหนึ่ง เพราะแรงงานที่มีทักษะไม่ตรงกับความต้องการของตลาด ยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วแต่ภาคการศึกษาปรับหลักสูตรไม่ทันต่อความต้องการของตลาด รัฐบาลก็เน้นใช้ "นวัตกรรมและเทคโนโลยี" เป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้หลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลางแตะหลักสูตรการศึกษากลับไม่ตอบรับเท่าที่ควร   ล่าสุดสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) จุดประเด็นขึ้นมาว่าแรงงานไทยหายไปจากตลาดราวๆ 1 ล้านคนภายในปีเดียว แถมแรงงานกลุ่ม STEM ซึ่งจะเป็นที่ต้องการในอนาคตกลับโตน้อยมาก   แรงงานไทยหายไปไหน ทำไมคนไทยมีแนวโน้มตกงานเยอะขึ้นเรื่อยๆ และปัญหาใดที่รอช้าไม่ได้อีกแล้ว ตัวแทนฝ่ายนักวิชาการและภาคเอกชนได้ร่วมกันเสนอทางออกของวิกฤตนี้   เศรษฐกิจฟื้นตัวแต่คนยังไม่กล้าจ้างแรงงานเพิ่ม คนรุ่นใหม่เลือกงานมากขึ้น ปกติแล้วประเทศไทยมีอัตราการว่างงานต่ำ จนกระทั่งเดือนมกราคม 2561 สำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่า ประเทศไทยมีอัตราการว่างงานร้อยละ 1.3 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีก่อนถึง 102,000 คน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2) ทั้งที่สัดส่วนของกำลังแรงงานในตลาดแรงงานกำลังลดลงเรื่อยๆ จาก 38.7 ล้านคนปี 2559 เหลือเพียง 37.79 ล้านคนในปัจจุบัน ถ้าวิเคราะห์เจาะลึกลงไปจะพบว่า สาเหตุของปัญหานี้เกิดจาก 2 ปัจจัยหลัก นั่นคือ
  1. ) สภาพเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้าและไม่แน่นอน ทำให้ผู้ประกอบการไม่มั่นใจจะจ้างแรงงานใหม่ และตลาดแรงงานปัจจุบันไม่สอดรับกับระบบเศรษฐกิจใหม่ ถึงแม้รัฐบาล คสช. จะทำให้ภาพรวมของเศรษฐกิจดูค่อยๆ ดีขึ้นในช่วง 2-3 ปีมานี้ แต่ก็ยังไม่ถึงในระดับที่สามารถดึงแรงงานใหม่เข้าสู่ตลาดแรงงานได้ทั้งหมด ยิ่งเศรษฐกิจไม่ค่อยดี การจ้างงานตั้งแต่ระดับ ปวส. หรือปริญญาตรีขึ้นไปก็จะหดตัวลง
  2. ) ปัญหาแรงงาน แม้ว่าจะมีกลุ่มคนที่ออกสู่ตลาดแรงงานแล้ว แต่ปัจจุบันเศรษฐกิจเริ่มปรับเปลี่ยนไปในทิศทางที่แตกต่างไปจากเดิม เรียกว่าเป็นเศรษฐกิจใหม่ หลายอาชีพจึงเริ่มหวั่นไหว ที่เห็นได้ชัดก็คือ การเงินการธนาคาร จะเปลี่ยนเป็นสังคมไร้เงินสด มีการโอนจ่ายเงินผ่านแอพฯ มีการลดจำนวนพนักงานธนาคารลงอย่สงต่อเนื่อง และแวดวงสื่อมวลชนซึ่งมีรายได้จากโฆษณา พอเศรษฐกิจไม่ดีก็หดหาย ไม่เพียงพอกับรายจ่าย บางบริษัทต้องลดต้นทุนโดยไม่รับแรงงานใหม่ หรือมีโครงการเกษียณก่อนกำหนด เป็นต้น ซึ่งกำลังเกิดขึ้นในหลายอุตสาหกรรม
  ปัจจัยรองคือ อุปสงค์ (demand) กับอุปทาน (supply) ไม่ตรงกัน ส่วนหนึ่งเพราะคุณภาพของแรงงานเดิมไม่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ขณะที่คนรุ่นใหม่เลือกงานมากขึ้น เลือกอาชีพอิสระที่พอหารายได้ได้มากกว่าลงหลักปักฐานกับการทำงานถาวร เป็นแรงงานที่มีความคล่องตัวในการเข้าออกตลาด ซึ่งจริงๆ ก็มีหลายปัจจัยด้วยกันที่ทำให้การจ้างงานถาวรมีแนวโน้มไม่เติบโตเท่าที่ควร   ทีนี้พออุปสงค์ไม่ทำงาน เราก็ต้องกลับมาดูอุปทาน คือหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เดิมภาคเอกชนไม่สนใจลงทุนด้านนี้เท่าไร เพราะเขาใช้แรงงานเท่าที่จำเป็น ภาครัฐก็ต้องลงทุนสนับสนุนให้แรงงานมีช่องทางการทำงาน จัดเทรนนิงเพิ่มทักษะหรือสมรรถนะที่หลากหลายมากขึ้น พวกเขาก็จะมีโอกาสเลือกทำงานได้หลากหลาย เราเรียกส่วนนี้ว่านโยบายฝั่งอุปทาน   ในมุมมองของภาคเอกชน มองว่าประเทศไทยติดอันดับหนึ่งในประเทศที่มีคนตกงานน้อยมากที่สุดในโลกก็จริง แต่ตัวเลขดังกล่าวอาจไม่ได้สะท้อนความเป็นจริง และควรพิจารณาถึงสาเหตุของการว่างงานของคนแต่ละกลุ่มด้วย   จริงๆ แล้วเรามีแรงงานที่เป็นลักษณะของรอฤดูกาล เพราะเป็นประเทศเกษตรกรรม วิธีการคิดคำนวณอัตราการว่างงานในไทยแตกต่างจากประเทศอื่นๆ ทำให้บางทีตัวเลขอาจจะไม่สะท้อนความเป็นจริง คนตกงานหรือว่างงาน 4 แสนกว่าคนในปีนี้แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มคนที่เพิ่งเรียนจบใหม่ ยังไม่เคยทำงาน กับอีกกลุ่มหนึ่งคือ มีประสบการณ์การทำงานมาก่อน สาเหตุของการตกงานมันต่างกัน เช่น ทำธุรกิจที่อยู่ในช่วงขาลง บริษัทอาจปิดตัว ปิดแผนก หรือว่าเลิกจ้างพนักงานบางส่วน คนกลุ่มนี้อาจจะเรียนมาไม่ตรงสาย อีกส่วนหนึ่งเห็นได้ชัดว่าทุกวันนี้ทั้งนักศึกษาจบใหม่และคนวัยทำงาน เลือกประกอบอาชีพอิสระกันมากขึ้น เช่น เปิดร้านอาหาร ขายเสื้อผ้าทำธุรกิจออนไลน์ ทำ Startup หรือ SMEs นอกจากนี้แล้ว ปัญหาใหญ่เลยก็คือเรื่องการผลิตบัณฑิตมาไม่ตรงกับงาน แรงงานไทยไม่ได้ ขาดกำลังคน แต่ กำลังขาดทักษะ   หลายๆ ธุรกิจการค้า ที่ต้องปรับตัวตามระบบเศรษกิจยุคดิจิทัล เมื่อประเทศเปลี่ยนมาสู่ระบบเศรษฐกิจยุคใหม่ตามแนวโน้มโลก ทุกตลาดอุตสาหกรรมเองก็ต้องปรับตัวไปด้วย ไม่เว้นแม้แต่ภาคการศึกษาที่ต้องป้อนคนรุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดแรงงานทุกปี ถ้าวิเคราะห์ ตัวเลขว่างงานกับอนาคตอาชีพคนไทยในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล พบว่า ปัจจุบันแรงงานกลุ่ม STEM (สายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม คณิตศาสตร์และสถิติ) มีอัตราการเติบโตค่อนข้างช้า ทำให้ไทยอาจเสี่ยงขาดแคลนแรงงานพื้นฐานในการขับเคลื่อนอธิบายเศรษฐกิจไทยตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0   นักวิชาการหลายๆท่าน ชี้ว่า “ลักษณะของแรงงานรุ่นใหม่ที่จะตอบโจทย์นโยบาย 4.0 ได้ จะเป็นกลุ่ม STEM หรือสายเทคโนโลยีเป็นหลัก แต่แรงงานในระบบเก่ามันไม่ตอบโจทย์แล้ว เราก็ต้องจัดฝึกอบรมแบบพิเศษขึ้นมา เช่น มีสถาบันTraining เฉพาะกิจระดับสูงที่นำแรงงานที่ตกระบบ ว่างงาน หรือคนที่กำลังจะเรียนจบมาฝึกฝนให้เป็นแรงงานที่แข่งขันได้ หรือเพิ่มประสิทธิภาพงานที่ทำได้ แล้วค่อยๆ ปรับเปลี่ยนโดยใช้นวัตกรรมมากขึ้น ส่วนกลุ่มที่จะมาเป็นแรงงานในอนาคต เราควรจะมีวิธีเข้าไปปรับความคิดของคนที่กำลังเรียนอยู่ให้ตรงกับตลาดด้วย แต่เอกชนกับภาครัฐต้องเป็นพาร์ตเนอร์กันโดยมีข้อตกลงร่วมกันอย่างชัดเจน เพราะการ Training คนให้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางแล้วไม่มีตลาดรองรับ ก็เป็นภาวะที่เราต้องระวัง มันจะมีปัญหาถ้าหากเราไม่มีตลาดที่แน่นอน แล้วโครงสร้างเศรษกิจดิจิทัล หรือไทยแลนด์ 4.0 ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมเกษตรอัจฉริยะ โรงงานอัจฉริยะ หรือบริการอัจฉริยะ ไม่ได้เปิดรับแรงงานที่เราเทรนไว้อย่างดี   “เราต้องเร่งปรับโครงสร้างการเตรียมคนให้เป็นกำลังแรงงานที่มีทักษะความสามารถพิเศษสูง (high talent market) และแข่งขันได้ นั่นหมายความว่าเขาต้องมีแรงจูงใจที่ดีกว่าสิ่งที่ทำอยู่ ก็ต้องจ่ายเขาสูงและมีอนาคตที่แน่นอน”   นักศึกษาจบใหม่ควรจะศึกษาว่าตลาดด้วยว่าต้องการอะไร และดูว่าตัวเองชอบหรือเปล่า โจทย์สำหรับคนรุ่นใหม่ ต้องวางแผนระยะยาว   หลายคนมีการตั้งข้อสังเกตุว่า ปัจจุบันนักศึกษาจบใหม่ยังคงว่างงานส่วนหนึ่ง เพราะต้องการรายได้สูงเกินประสบการณ์ ขาดทัศนคติเชิงบวก และขาดการวางแผน ทางที่ดีควรมองหาแนวทางอาชีพที่มีตลาดรองรับ และตรงกับความชอบของตัวเองด้วย ขณะเดียวกันภาคเอกชนต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาคนมากขึ้น   “ในแง่ของนักศึกษาจบใหม่ควรจะศึกษาว่าตลาดต้องการอะไร และดูว่าตัวเองชอบหรือเปล่า เพราะว่าถ้าเราไม่มีแพสชันที่เพียงพอ ก็อาจจะทำอาชีพนั้นได้ไม่ดี ส่วนคนที่เรียนจบมาแล้ว อาจจะต้องพัฒนาทักษะเพิ่มเติม ภาคเอกชนเองได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการผลิตบุคลากรเฉพาะทาง ยกตัวอย่างเช่น ปตท. สร้างโรงเรียนกำเนิดวิทย์ ขึ้นมาเพื่อมุ่งเน้นการเรียนการสอนด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และภาษาอังกฤษ เพราะเขามีปัญหาเวลาหาพนักงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง โดยเฉพาะเรื่องพลังงาน ส่วนสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ก็มาจากบริษัท CP ที่ตั้งใจจะผลิตบุคลากรด้านการจัดการธุรกิจค้าปลีกเป็นหลัก บริษัท SCG มีโรงเรียนทักษะพิพัฒน์ ซึ่งมุ่งเน้นการสอนเกี่ยวกับการขนส่งเดินทางและโลจิสติกส์   “นอกจากนี้แรงงานที่หายไปอีกส่วนยังเป็นเรื่องของภาคอาชีวศึกษา ซึ่งเขามีความได้เปรียบเมื่อเทียบกับอุดมศึกษา เพราะได้ทดลองฝึกงานหรือลงไปทำงานจริงๆ ภาคเอกชนเองก็ควรเปิดโอกาสให้คนที่ยังศึกษาอยู่ได้เข้าไปเรียนรู้ตั้งแต่แรกๆ”   ไทยแลนด์ 4.0 จะเกิดได้ ต้องปรับโครงสร้างแรงงานทั้งหมด เมื่อถามว่าแรงงานของไทยพร้อมแค่ไหนสำหรับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล ต้องบอกว่า ตัวแรงงานเองยังไม่พร้อมค่อนข้างเยอะมาก เพราะว่าเศรษฐกิจดิจิทัลเป็นเรื่องใหม่ด้วย แต่ในความเป็นจริงเราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาเสริม ทำให้การผลิตที่มีนวัตกรรม จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับแต่ละอาชีพได้ แต่ฝั่งพนักงานเองก็อาจจะยังไม่มีทักษะที่เพียงพอ บริษัทเอกชนควรจะตระหนักถึงเรื่องนี้และสร้างความเข้าใจในองค์กร   อุปสรรคที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือ ที่ผ่านมาภาคอุตสาหกรรมและบริการเรา มุ่งใช้แรงงานต่างด้าวในราคาถูก จนทำให้เกิดภาวะขาดแคลนแรงงานในปัจจุบัน และจะน่ากังวลกว่านั้นมาก คือไทยเรากำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ. เราไม่ได้ใส่ใจจะปรับปรุงโครงสร้างอุตสาหกรรมหรือบริการของเรามาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว เราสูญเสียโอกาสไปอย่างมหาศาล แล้วพอถึงจุดๆ หนึ่งมันสร้างรายได้ไม่ได้ สังเกตไหมว่าเราขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำไม่ได้ เพราะว่าตอนนี้นายจ้างไม่หลงเหลืออำนาจในการจ่ายแล้ว ส่งออกก็ไม่ค่อยจะได้ ถึงจะมีกำไรมาบ้างก็ตาม ที่สำคัญอุตสาหกรรมทั้งหลายของเรามีต่างชาติเป็นเจ้าของเป็นส่วนใหญ่ โอกาสที่เราจะขึ้นค่าจ้างก็เลยยากลำบากไปด้วย   ทางออก ทางรอด ของแรงงานยุคเศรษฐกิจดิจิทัล   ถ้าเราจะดึงผู้สูงอายุกลับมาทำงาน เขาทำงานในภาคอุตสาหกรรมเก่าไม่ได้ เพราะทักษะมันเปลี่ยนไปแล้ว ก็ต้องไปทำงานอย่างอื่นแทน ในต่างประเทศเองเขาจะให้ผู้สูงอายุทำงานที่มีลักษณะยืดหยุ่น ลดจำนวนชั่วโมง ไม่ได้ทำงานประจำ แต่เราจะต้องเปิดโอกาสให้เขาทำงานกว้างขวางในหลายๆ อาชีพ หรือเปลี่ยนจากภาคอุตสาหกรรมมาเป็นบริการ มันถึงจะไปต่อได้   ทีนี้เครื่องมือที่จะทำให้เราจ่ายค่าจ้างสูงได้ เราก็ต้องปรับเปลี่ยนไปเป็นประเทศที่ใช้ "นวัตกรรมและเทคโนโลยี" เป็นตัวนำ แต่กว่าจะได้ก็ได้เฉพาะบางกลุ่มบางพวก ก็ไม่เป็นไร ก็ต้องมี leading sector หรือฐานนำ ที่จะทำให้เราก้าวพ้นกับดักรายได้ปานกลางไปได้ การที่เราติดอยู่ในกับดักรายได้ปานกลางประเทศมันไปไหนไม่ได้ แล้วของก็ขึ้นราคาทุกวัน รายได้ก็มีไม่พอจะกิน มันก็จะเดือดร้อนทั่วกันหมดทั้งประเทศ ถึงเวลาที่ประเทศต้องใช้ นวัตกรรมและเทคโนโลยี ขับเคลื่อนประเทศไทยอย่างจริงจังสักที
Tag :