"บิ๊กแดง" เผยทิศทางกองทัพบกต้องระวังการเมืองหาประโยชน์

by ThaiQuote, 17 ตุลาคม 2561

พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เปิดเผยว่า ได้เตรียมทำความเข้าใจกับกำลังพลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองที่กำลังจะเข้าสู่การเลือกตั้ง โดยกำชับไปยังทุกหน่วยให้แยกแยะภารกิจให้ชัดเจน กองทัพบกเป็นทหารของชาติและประชาชน มีหน้าที่ที่จะสนองต่อนโยบายของรัฐบาลไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาลก็ตาม ดังนั้น กับการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นได้เน้นย้ำในส่วนของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) แล้วว่าการดำเนินการต้องใช้ความระมัดระวัง

นอกจากนี้ ยอมรับว่าทหารขาดประสบการณ์เรื่องการเมืองและต้องถูกจับจ้องจากนักการเมืองอยู่แล้ว เพราะทหารอยู่ในกรมกอง โอกาสพบเจอประชาชนมีน้อยมาก นอกจากออกไปช่วยเหลือเมื่อเดือดร้อนหรือประสบภัยพิบัติต่างๆ ทั้งนี้ ในฐานะที่ขณะนี้กองทัพและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คือเนื้อเดียวกัน โดยเฉพากับกกล.รส.ที่เน้นย้ำให้ทราบว่าเราสวมหมวก 2 ใบ คือ ในฐานะกองทัพบก และคสช. จากนี้ต้องระมัดระวัง ไม่ให้การเมืองเข้ามาใช้ประโยชน์จากกองทัพ และยืนยันได้ว่าการที่กองทัพบกออกไปช่วยเหลือประชาชนนั้น ไม่ใช่การหาเสียงแต่อย่างใด

พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า ไม่ว่ากองทัพบกจะทำงานร่วมกับรัฐบาลใด ก็ต้องดำเนินการตามแนวทางที่รัฐบาลที่ได้กำหนดไว้ เช่น ปัจจุบันรัฐบาลได้ต่อยอดโครงการประชารัฐเป็นโครงการไทยนิยมยั่งยืนซึ่งก็มี 3 หน่วยงานหลัก ตั้งแต่ กระทรวงมหาดไทย ฝ่ายปกครอง กระทรวงการคลัง โดยแบ่งเป็น 2 หมวดด้วยกัน ซึ่งก็คงทราบกันดีอยู่แล้วการสร้างความมั่นคงยั่งยืนเป็นเรื่องของเศรษฐกิจ 10 ประการทั้งหมด ซึ่งทหารต้องสนับสนุนให้เดินควบคู่ไป เห็นว่าโครงการไทยนิยมยั่งยืนนั้นเป็นโครงการที่รัฐบาลมีความตั้งใจจริงต้องการให้เกิดความมั่นคงสอดคล้องสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ 20 ซึ่งกรมการปกครองได้แจกจ่ายคู่มือมาให้กับกองทัพบก เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับประชาชน

"จากนี้ไปถูกจับตามองแน่ เพราะกองทัพและ คสช.ก็คือเนื้อเดียวกัน ขณะนี้รัฐบาลก็คือรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ยืนยันว่าไม่ว่าใครมาเป็นรัฐบาลเราก็ต้องทำ ผมก็ต้องทำ ไม่ว่าใคร พรรคการเมืองใดมาเป็นรัฐบาล ไม่ต้องห่วง ผมยืนยันและจุดยืนในการทำงานของผมในการกำหนดทิศทางๆให้กำลังพลในกองทัพบก ได้ดำเนินการ ผมทำงานร้อยเปอร์เซ็นต์และเกินร้อยอยู่แล้ว ไม่ว่าใครมาเป็นนายผม" ผบ.ทบ .กล่าว

ผบ.ทบ.กล่าวถึงประเด็นคำถามที่ว่า หากสถานการณ์ในอนาคตเกิดวิกฤติกองทัพจะปฏิวัติอีกหรือไม่ ว่า หากการเมืองไม่เป็นต้นเหตุแห่งการจราจล ก็ไม่มีอะไร ประเทศไทยเคยมีปฏิวัติมา 10 กว่าครั้ง แต่ไม่เหมือนสมัยก่อนแล้ว เพราะช่วงหลังเกิดจากการเมืองทั้งสิ้น ตนไม่ได้บอกว่านักการเมืองดีหรือไม่ดี แต่เชื่อว่า นักการเมืองที่ดีก็มี และนักการเมืองที่ไม่ดีก็มี แต่สิ่งสำคัญคือตนเสียใจที่เห็นหลายครั้งว่ากระบวนการยุติธรรมถูกละเมิด การตัดสินคดีในหลายคดีคนทำผิดบอกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม หากเป็นเช่นนั้นแล้วประเทศชาติจะอยู่ตรงไหน จุดยืนของประเทศ และความเป็นกลางคืออะไร ในเมื่อบอกว่าคนนี้ผิด ก็แย้งว่าไม่ผิดอ้างว่าถูกกลั่นแกล้ง แล้วประเทศชาติจะอยู่กันได้อย่างไร

"หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเหตุการณ์รุนแรงในบ้านเมืองเช่นที่ผ่านมาคงไม่เกิดขึ้นอีก ที่ผ่านมามีเหตุการณ์อะไรขึ้นมาก็ไม่เคยขนาดนี้ เพราะมีการแย่งแก่งแย่ง ชิงการเมือง การเอาชนะ ไม่รู้จักแพ้ไม่รู้จักชนะ แล้วคนที่แพ้ก็คือประเทศ ยืนยันว่ากองทัพไม่มีวันชนะประชาชน แต่ประชาชนที่ออกมาสร้างความเดือดร้อน ยั่วยุให้จุดไฟเผา มีการประกอบระเบิด นั่นคือท่านแพ้ ท่านเป็นประชาชนที่ทำให้ประเทศแพ้ แทนที่เราจะแข่งขันทางการค้า แล้วต้องใช้เวลากี่ปีฟื้นฟูประเทศ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย" พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว