เปิดสถาบันปัญญาประชารัฐ เน้นส่วนร่วมที่แท้จริง

by ThaiQuote, 17 ตุลาคม 2561

ความคืบหน้าของพรรคพลังประชารัฐ ล่าสุด นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ว่าที่รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าที่โฆษกของพรรค ร่วมกันแถลงข่าวการจัดตั้ง “สถาบันปัญญาประชารัฐ” เมื่อวันที่ 17 ต.ค.2561 โดยนายสุวิทย์ กล่าวว่า วันนี้นับเป็นกิจกรรมสำคัญของพรรคพลังประชารัฐ ที่ถึงเวลาอันเหมาะสมที่ถือกำเนิดพรรคขึ้นมา ภายใต้โจทย์ที่ว่าจะทำอย่างไรให้ประเทศสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งจะผ่านหลักการ 3 หลักการ คือ 3 หลักการพลังประชารัฐ 3 ฟันเฟือง และ 3 ภารกิจสถาบันพลังประชารัฐ ทั้งนี้ 3 หลักการพลังประชารัฐ ประกอบด้วย 1.เป็นการเมืองที่ตอบโจทย์ประชาชน 2.เป็นการเมืองจากฐานราก 3 .เป็นการเมืองแบบมีส่วนรวมจากทุกภาคส่วน  และทั้ง 3 หลักการ เป็นหัวใจของการตั้งสถาบันนี้พลังประชารัฐขึ้นมา ขณะที่ 3 ฟันเฟืองขับเคลื่อนพลังประชารัฐ จะเน้นการมีส่วนร่วมทั้งหมด และจะนำมาซึ่งปัญญาประชาชนฐานรากคือภูมิปัญญาที่จะช่วยขับเคลื่อน ในนโยบายที่มีส่วนร่วม ถัดมาคือ 3 ภารกิจของสถาบันปัญญาประชารัฐ ได้แก่ 1พัฒนารูปแบบปฏิสัมพันธ์ที่เปิดกว้าง ผนึกกำลังทุกภาคส่วน ทั้งการสื่อสารออนไลน์ และออฟไลน์ โดยมาจากแนวคิดร่วมกันของคนรุ่นใหม่  2. สร้างผู้นำ game changer ให้เกิดในทุกมิติ ทั้งภาค เศรษฐกิจ สังคมและการเมือง  เพราะเราต้องการคนที่สามารถเปลี่ยนแปลงทุกๆ อย่างให้เปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง ด้วยการที่เราอยู่บนหลักคิดที่เปิดกว้าง ไม่ว่าจะคนที่อยู่ในพรรคและนอกพรรค คนที่ก่งที่อยู่ในส่วนต่างๆ เวทีพลังประชารัฐ จะเปิดกว้างให้ทุกๆคนมาร่วมกัน และ 3.ร่วมกำหนดนโยบายภาคประชาชน เราจะใช้เวทีของสถาบันเป็นที่ร่วมกันในการกำหนดนโยบาย เพื่อพัฒนานวัตกรรมเชิงนโยบายนิยามอนาคต “หลักสูตร ปัญญาประชารัฐ  จะเป็นการเปิดพื้นที่แบบโอเพ่น ไม่จำกัดว่าจะเป็นใคร หรือสังกัดพรรคการเมืองไหน แต่เชิญมาร่วมกันสร้างนวัตกรรมทางการเมือง  และ 5 ปีนับจากนี้ จะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของไทย โดยการทำงานการเมืองแบบใหม่เอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง เราจะทำอย่างไรให้ประชาชนเป็นพลเมืองที่ตื่นรู้ สถาบันแห่งนี้จะเป็นสถาบันที่ปลุกเร้าให้ประชาชนเกิดความตื่นตัวในการนำความรู้มาใช้ ต้องเก่งร่วมกัน จึงต้องการให้คนรุ่นใหม่มาร่วมกันทำงานการเมือง” นายสุวิทย์ กล่าว รมว.วิทยาศาตร์ และในฐานะว่าที่รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ย้ำอีกว่า การเมืองยุคใหม่ไม่ใช่การเมืองในประเทศ แต่เป็นพลวัตโลก สามารถนำความรู้ต่างๆ มาเปลี่ยนแปลงประเทศได้ สถาบันนี้ไม่ใช่สถาบันทางวิชาการ แต่เป็นสถาบันที่จะนำมาในการเปลี่ยนแปลงทั้งของโลกและนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงประเทศไทย “เป้าหมายสำคัญของเรา คือการเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา เราต้องเข้าใจพลวัตการเปลี่ยนแปลงทั้งสังคมไทยและโลก รู้ลึกรู้จริง รู้รอบด้าน และเท่าทัน เพื่อสามารถกำหนดอนาคตประเทศได้ และเข้าใจอย่างเดียวไม่ได้ ต้องเข้าถึงปัญหา สมาชิกคนรุ่นใหม่จึงต้องร่วมขบคิดประเด็นปัญหา พื้นที่ของเราเปิดกว้างเพื่อระดมองค์ความรู้ เพื่อนำมาต่อยอดและพัฒนานวัตกรรม” นายสุวิทย์ ย้ำ ด้านนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กล่าวว่า วันนี้หมดยุคแล้วที่คนใดคนหนึ่งคิด แล้วประเทศจะเปลี่ยนตาม เราต้องเริ่มจากฐานราก ที่น่าสนใจคือเมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ เราได้ไปร่วมรับฟังจากภาคประชาชนที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยม ซึ่งทำให้รับรู้ว่า ประชาชนมีแนวคิดที่จะพัฒนาชีวิตอยู่แล้ว “หัวใจในวันนี้ ต้องมาช่วยกันคิดร่วมกันว่าแต่ละคนอยากจะช่วยไปเปลี่ยนแปลงอะไร และพลังประชารัฐมาจากหลายกลุ่ม มีแนวคิดที่อยากจะเปลี่ยนในแต่ละด้าน แล้วนำมาร่วมกัน ซึ่งเมื่อลงสนามแล้วเราไม่แพ้ใคร ส่วนตัวเชื่อว่า ประเทศไทยจะต้องเปลี่ยน” นายกอบศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย