ส่องความคิด “อนุทิน ชาญวีรกุล” รุกเลือกตั้ง เป้าคือ แก้ปัญหาปากท้อง

by ThaiQuote, 21 ตุลาคม 2561

นั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของชีวิตชายคนนี้  เมื่อไม่กี่วันก่อน คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้เชิญเขาร่วมบรรยายชีวิตการเมืองให้นักศึกษาได้รับฟังกัน เพื่อต่อยอดประสบการชีวิต ตลอด 1 ชั่วโมงที่ ThaiQuote  ขอเข้าไปนั่งฟังด้วย อนุทิน เล่าฉากชีวิตตั้งแต่วัยเด็กวัยเรียน จนถึงตอนทำงาน โดยเฉพาะช่วงเกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง ที่ข้ามคืนเงินที่เคยมีกลายเป็นหายและติดลบหลายพันล้านบาท  เขาใช้เวลา 3 ปีในการกอบกู้สถานะของบริษัท ด้วยหลักการบริหารที่เฉพาะตัว และเมื่อความสนุกในการบริหารบริษัทเริ่มคงที่ เขาจึงเบนเข็มชีวิตมายัง การเมือง ชีวิตบทนี้ เขาเริ่มต้นการเล่าว่า พอเข้ามาการเมือง เหนือฟ้ายังมีฟ้า เพราะตลอดเวลาที่อยู่ในบริษัท เขาสามารถที่จะสั่งการสิ่งต่างๆ ได้ แต่พอเข้ามาทำงานการเมือง ได้รับหน้าที่รมช.สาธารณสุข มีคนที่เป็นหัวหน้าทั้งรัฐมนตรี และหัวหน้าใหญ่สุดคือนายกรัฐมนตรี อนุทินบอกนักศึกษาว่า จะอยู่อย่างไรให้ทำงานได้ สิ่งที่ทำคือการประยุกต์ความสามารถที่มีในตัวออกมาใช้ สร้างสิ่งที่เป็นประโยชน์ที่สุด ใช้ความถนัดจากการทำงานที่ผ่านมา คำนวณแผนงานและความเหมาะสมของงบประมาณ ให้พอดี สมเหตุสมผล ทำให้สามารถประหยัดเงินแผ่นดินไปได้มาก แม้จะยอมรับว่าในตอนแรก เขาก็ไม่ค่อยชอบที่จะรับตำแหน่งในการดูแลเรื่องนี้ เพราะตัวเองไม่ใช่หมอ  แต่พอสามารถทำได้ มันก็กลายเป็นสิ่งที่ภาคภูมิใจ ที่น่าสนใจคือการที่เขาพูดอย่างชัดเจนว่า การเข้ามาสู่การเมืองไม่ใช่การเข้ามาหาผลประโยชน์ ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้มีและทำให้คนส่วนใหญ่ไม่ชอบวงการการเมือง ทั้งๆ ที่คนทำให้แย่มีแค่จำนวนน้อย  และได้บอกกับนักศึกษา ถ้าคนรุ่นใหม่สนใจการเมืองและหวังเข้าไปกอบโกยไม่ทางเป็นไปได้ นับจากนี้ ไม่มีทาง โอกาสมันไม่เปิด เพราะมีกรอบการตรวจสอบเข้มข้น  แต่ถ้าสนใจเข้าไปเพื่อทำให้ประเทศเจริญขึ้น ความคิดความอ่านใหม่ เพื่อแก้ไขสิ่งที่คนโกงบ้านโกงเมืองทำเอาไว้ เพื่อให้ไทยเดินหน้าไปไกลกว่านี้ ก็สามารถเข้าสู่การเมืองได้ ไปแล้วต้องเป็นคลื่นลูกใหม่ “การเมืองจริงๆ มันไม่ใช่สิ่งเลวร้าย แต่คนที่เข้าไปอาศัยช่องโหว่แล้วทำให้มันเลวร้าย แล้วคนอย่างพวกเราก็นั่งเฉย ปี 2516 ใครเอาประชาธิปไตยกลับมาให้ ก็คือนักศึกษา ไม่ใช่คนทำงาน ไม่ใช่คนมีอายุ แต่เป็นคนอายุ20กว่า มันต้องมีพลังของบ้านเมือง เห็นเขาทำแบบนี้ ก็ยังเฉย เห็นเขาทำไม่ถูกก็ยังเฉย ไม่เกี่ยวกับเรา  เราเลยได้รับสิ่งเหล่านี้ไป จะเป็นบ้านเมืองที่เป็นประชาธิปไตยเต็มที่ก็เป็นไม่ได้ ความแตกแยกก็ยังมีอยู่ “ นอกจากนี้ เขายังบอกกับนักศึกษาอีกว่า ลองรวมกลุ่มกันได้  และบอกคนรุ่นเก่าๆที่ยังทะเลาะกันว่า ทำไมไม่อายเด็กบ้าง ทะเลาะกันอยู่ได้ ปรับนโยบาย เพื่อชีวิตที่ดี หลังการบรรยาย  ThaiQuote  ขอคุยกับ “อนุทิน” เพิ่มเติมในเรื่อง การปรับนโยบายและการวางคีย์แมนนั้น อนุทินเล่าให้ฟังว่า พรรคภูมิใจไทยนั้น เป็นพรรคที่ตั้งมาปีนี้เข้าปีที่ 10  ที่ผ่านมาถือว่ารับรู้ปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะปัญหาเรื่องปากท้องของประชาชน คนของพรรคภูมิใจไทย ถือว่าเป็นคนที่อุทิศตน เพื่อทำงานการเมือง เป็นผู้แทนประชาชนจากบ้านเกิดเมืองนอนของเขาจริงๆ ไม่ใช่คนที่เกิดจากต่างถิ่นแล้วไปลงเลือกตั้งในพื้นที่นั้นๆ เพื่อให้ได้ที่นั่งในสภาเท่านั้น สำหรับการเลือกตั้งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในเวลาไม่นานนับจากนี้ ผมและผู้บริหารพรรคเชื่อว่า ต้นเหตุของปัญหาต่างๆในทุกๆด้าน มันไม่ได้มาจากอะไร นอกจากปัญหาเรื่องปากท้อง ที่ไม่มีใครแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังเป็นรูปธรรม เศรษฐกิจที่บอกว่าดีๆ มีการเติบโต แต่เอาเข้าจริงๆก็เติบโตอยู่แค่กระจุกเดียว ไม่ได้ลงไปในทุกภาคส่วน คนที่เป็นชนชั้นกลาง เป็นชนชั้นทำงาน ยังไม่ได้มีคุณภาพชีวิตที่ยังไม่ดีเท่าที่ควร ทางพรรคเราจึงมองเห็นว่า การเมืองอย่างเดียวแก้ไขปัญหาประเทศไม่ได้ สิ่งเดียวที่จะแก้ได้คือ การลดอำนาจของรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน ในส่วนนี้ อนุทินฉายภาพว่า โดยการทำให้เกิดวิธีการต่างๆ เพื่อแก้ไขเรื่องปากท้องเป็นหลัก  ซึ่งปัญหานี้มีอะไร ก็มีเรื่องหนี้สิน มีเรื่องราคาพืชผลทางการเกษตร การศึกษา สาธารณสุข จึงต้องเชิญคนที่มีความรู้ความสามารถเฉพาะทาง อย่างเช่น การท่องเที่ยว แม้จะดีอยู่แล้ว แต่ก็ต้องเสริมให้มีคุณภาพมากขึ้นมีความปลอดภัยมากขึ้น  ให้เกิดการมาเที่ยวซ้ำ สามารถสร้างการบอกปากต่อปากให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาเพิ่มขึ้น  รวมทั้งไม่ว่าจะด้านไอที หรือเรื่องของการสื่อสารด้วยเทคโนโลยี ที่เชื่อมโลกในเสี้ยววินาที เราก็ได้บุคลากรที่เชี่ยวชาญเป็นอย่างมากมาดูแล รวมทั้งเรื่องการศึกษา คุณภาพครู คุณภาพนักศึกษา ในเรื่องนี้เราให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ มีผู้ทรงคุณวุฒิที่มีประสบการณ์โดยตรง ไม่ใช่แค่เป็นนักบริหาร มาร่วมเป็นทีมงานในการแก้ไขปัญหาด้วย ส่วนเรื่องการเกษตร ไม่ค่อยกังวลเท่าไหร่ เพราะพรรคเรามีรัฐมนตรีที่เคยประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มากที่สุด แต่ละท่านก็เป็นรัฐมนตรีที่ทำงานทางภาคเกษตร ที่เรียกว่าทำงานกันอย่างถึงราก ไม่ใช่เพียงไปนั่งเป็นรัฐมนตรีประดับประวัติการทำงานตัวเองเท่านั้น “ เมื่อหยุดคิดสักครู่ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็เล่าต่อไปว่า หลายคนสงสัยว่าทำพรรคเราถึงเน้นคนทั่วไป ไม่ได้ไปเน้นเรื่องที่อยู่ในระดับสูงมากนัก เพราะว่า เราคิดว่าถ้าเราสามารถแก้ไขปัญหาในระดับที่เป็นเรื่องของคนจำนวนมากที่สุด มันจะทำให้ปัญหาในภาคส่วนอื่นๆ บรรเทาลงไปหรือว่าหมดไป บุรีรัมย์โมเดล” ปราสาทนโยบายรูปธรรม ทันทีที่ถามถึงเรื่องบุรีรัมย์โมเดล ที่หลายคนมองว่าคือจุดแข็งที่สุดของพรรค อนุทินตอบทันทีว่า บุรีรัมย์โมเดล เป็นเพียงโมเดลหนึ่งที่ทำให้ความคิดในอดีต ที่เข้าใจกันว่า ต่างจังหวัดของบ้านเรา ถ้าไม่ใช่จังหวัดใหญ่ๆ หรือเมืองเศรษฐกิจไม่มีทางทำอะไรขึ้นได้  ทำไปก็เสียเปล่า ไม่น่าลงทุน คนไม่อยากไป แต่บุรีรัมย์โมเดล มันเกิดขึ้นมาเพราะคนที่อยู่ในพื้นที่ เติบโตในจังหวัดนั้น เกิดสำนึกในความรักบ้านเกิด และต้องการทำให้คำดูแคลนต่างๆ ที่เขาเรียกกันว่า บุรีรัมย์ ตำน้ำกิน สุรินทร์ กินน้ำตำ  มันหายไป “คำพวกนี้ ถ้าคุณเป็นคนที่เกิดในจังหวัดนี้  มันจะรู้สึกว่าทำไมมันเชือดเฉือนขนาดนี้ และเดี๋ยวจะทำให้ดูว่า มันจะสามารถกลายเป็นเมืองที่เติบโตขึ้นได้ด้วยตัวมันเอง  และนี่คือ เมืองที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้ใช้เงินงบประมาณแผ่นดินแม้แต่บาทเดียว เกิดจากมนุษย์คนหนึ่ง ชื่อ เนวิน  ชิดชอบ เพราะเป็นที่ใจรัก และอยากพิสูจน์อะไรบางอย่าง และไม่ได้มุ่งหวังประโยชน์ส่วนตัว แต่ทำเพื่อบ้านเกิดเมืองนอน  ซึ่งก็ทำสำเร็จ ทุกวันนี้บุรีรัมย์ โรงแรมไม่พอจะนอน ถนนกว้าง ขยายเพิ่ม แต่ยังไม่เพียงพอกับความต้องการ มีการเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจที่มากขึ้นในทุกๆภาคส่วนทั้งการบริการ  ท่องเที่ยว มันก็ทยอยไปที่บุรีรัมย์ แม้แต่สนามบินก็เริ่มที่ปรับตัวเป็นสนามบินนานาชาติเพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้น งานระดับโลก งานอีเว้นท์ต่างๆ ก็มาจัดที่นี้ “ ไม่คาดหวังผลการเลือกตั้ง ทำวันนี้ให้ดีที่สุด ขณะที่ถามไปถึงเรื่องที่นั่งในสภาของการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น อนุทิน ตอบชัดๆว่า เลือกการได้รับความไว้วางใจจากประชาชนนั้น เป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้ แต่เราทำวันนี้ให้ดีที่สุด สิ่งที่เราทำนั้น เราเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดต่อบ้านเมือง  เราก็ต้องมั่นใจว่าเราจะได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน