วันที่ 22 ต.ค.2561 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยอมรับว่าพึงพอใจอย่างมากกับการจัดอันดับความสามารถทางการแข่งขันระดับโลก 4.0 ประจำปี 2561 หรือ Global Competitiveness Index 4.0 ของ World Economic Forum (WEF) ที่พบว่าประเทศไทยอยู่อันดับที่ 38 จาก 140 ประเทศทั่วโลก มีคะแนน 67.5 คะแนนจาก 100 คะแนน ซึ่งขยับอันดับขึ้นมาจากปีที่แล้วที่อยู่อันดับที่ 40 มีคะแนน 66.3 คะแนน แสดงถึงความเข้มแข็งที่นำประเทศไทยติดในอันดับ 1 ใน 40 ของโลก ทั้งที่ไม่ได้เป็นประเทศที่มีรายได้ต่อประชากรอยู่ในระดับสูงก็ตาม ทั้งนี้ จากเกณฑ์การประเมิน 12 ด้าน 98 ตัวชี้วัด ประเทศไทยมีจุดแข็งในด้านระบบการเงินอยู่อันดับ  14 ของโลก เพราะมีความพร้อมด้านเงินทุน เช่น วงเงินสินเชื่อที่ให้กับภาคเอกชน SMEs และสตาร์ทอัพ และเสถียรภาพของธนาคารพาณิชย์ รวมทั้งด้านขนาดของตลาดที่อยู่ในอันดับ 18 ของโลก โดยมาจากการบริโภคภายในประเทศ การลงทุน และการส่งออก ที่บริษัทต่าง ๆ สามารถเข้าถึงได้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้กำชับหน่วยงานต่างๆ ให้ปรับปรุงจุดอ่อน ทั้ง ความเท่าเทียมในการแข่งขันของภาคเอกชน ความซับซ้อนของกฎระเบียบต่าง ๆ เพื่อให้ง่ายต่อการทำธุรกิจและนำไปสู่การเกิดนวัตกรรมได้มากขึ้น รวมถึงด้าน การศึกษาและทักษะที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษด้วย "จากการไปประชุมที่ต่างประเทศ ผู้นำหลายประเทศมีความเข้าใจและสนับสนุนแนวทางการพัฒนาของไทย ซึ่งรัฐบาลมีเป้าหมายสำคัญในการปฏิรูป เพื่อพลิกโฉมเมืองไทยให้เป็นประเทศที่พัฒนาแล้วและประชาชนอยู่ดีกินดี ภายใน 20 ปี โดยการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ชาติด้วย" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว สำหรับการจัดอันดับครั้งนี้ ในส่วนภูมิภาคอาเซียน ไทยอยู่อันดับที่ 3 เป็นรองสิงคโปร์ และมาเลเซีย ขณะที่ในกลุ่มอาเซียน +3 ไทยอยู่อันดับที่ 6 จาก 12 ประเทศ รองจากสิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย และจีน ตามลำดับ