“สมคิด” ลั่น ไทยศูนย์กลางอนุภาคลุ่มน้ำโขง เชื่อมจีนสู่อาเซียน

by ThaiQuote, 6 พฤศจิกายน 2561

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในงานสัมมนา Hongqiao International Economic and Trade Forum นครเซี่ยงไฮ้ ว่านับเป็นโอกาสที่ผู้แทนภาคเอกชนรายใหญ่ นักลงทุนระหว่างประเทศและผู้กําหนดนโยบายทั้งของจีนและต่างประเทศได้มารวมตัวกันเพื่อหารือ และแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์เกี่ยวกับทิศทางการค้าและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ  ภูมิเศรษฐศาสตร์ของโลกกำลังเปลี่ยนไปและมีความผันผวน หลังจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ประกาศยุทธศาสตร์ “หนึ่งแถบ หนึ่ง เส้นทาง” ยุคนี้นับเป็นศตวรรษแห่งเอเชีย หรือ Asia Century  จากการรวมถึงการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” หรือ BRI ที่กําลังมีบทบาทสําคัญในการเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างประเทศและสนับสนุนการพัฒนาของประเทศกําลังพัฒนา เพื่อก้าวผ่านเมฆหมอกแห่งความกังวลใจและความไม่แน่นอนในปัจจุบัน ไทยจึงเสนอให้จีนใช้การพัฒนาความเชื่อมโยง (Connectivity) ในการพัฒนาภูมิภาค  เพราะไทยตั้งที่อยู่ในจุดยุทธศาสตร์สําคัญ อยู่ใจกลางของภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นภูมิภาคที่สร้างพลวัตให้กับเศรษฐกิจโลก  หลังจากไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมผู้นํา ACMECS ครั้งที่ 8 เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา  ที่ประชุมได้ร่วมรับรองแผนแม่บท ACMECS (ACMECS Master Plan) เพื่อให้อนุภูมิภาคนี้ก้าวไปสู่การเป็นอนุภูมิภาคที่ไร้รอยต่อ มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน  จึงเชิญประเทศที่มีศักยภาพเข้ามาเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา (Development Partner) เพื่อมีบทบาทสนับสนุนในการทําให้โครงการภายใต้แผนแม่บทสัมฤทธิ์ผลอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อต้องการให้จีนช่วยสนับสนุนให้ทั้ง 5 ประเทศ (CLMVT) บรรลุเป้าหมายของการเป็นอนุภูมิภาคที่มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน และในเดือนพฤศจิกายนนี้ ไทยจะรับตําแหน่งประธานอาเซียน เพื่อผลักดันการพัฒนาความเชื่อมโยงในภูมิภาคต่อไป ทั้งภายใต้อาเซียน และผ่านกรอบความร่วมมือที่ไทยมีบทบาทร่วม  เพื่อเชื่อมโยงความร่วมมือทางเศรษฐกิจจากเขตสามเหลี่ยมเศรษฐกิจลุ่มแม่น้ำแยงซี ต่อไปยังเขตสามเหลี่ยมลุ่มแม่น้ำจูเจียง (PPRD) ที่เปรียบเสมือนท้องมังกร และเขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า (GBA) ที่เป็นดังหัวมังกร เชื่อมเข้ากับไทย โดยเฉพาะ EEC ต่อไปยัง ACMECS จะทําให้จีนและอาเซียนสามารถประสานพลังกันได้และจะก่อเกิดศูนย์กลางที่ผลักดันความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค ดร.สมคิด กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทต่างชาติรายใหญ่หลายราย รวมถึงของจีน ต่างตัดสินใจเลือกไปลงทุนในประเทศไทย ซึ่งได้รับความสนใจจากเอกชนทั่วโลกอย่างกว้างขวาง คําขอรับสิทธิประโยชน์จากการส่งเสริมการลงทุนได้เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าในช่วง 2 ปี และคาดว่าปีนี้จะมีมูลค่าสูงถึง 21,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนด้านการส่งออกเติบโตกว่า 9% เมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบาย “ประเทศไทย 4.0” ที่มุ่งเปลี่ยนโฉมเศรษฐกิจไทยด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม โครงการสําคัญที่กําลังนําพาประเทศไทยไปสู่ยุค 4.0 คือโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เป็นโครงการสําคัญที่กําลังรุดหน้าไปอย่างน่าพอใจโดยในอีอีซี จะมีการลงทุนสูงถึง 50,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ไทยได้เดินหน้าส่งเสริมการลงทุนอย่างเต็มที่ทั้งในด้านกฎหมายรองรับและการอํานวยความสะดวกด้านการลงทุนอย่างครบวงจร รวมถึงมอบสิทธิประโยชน์ต่างๆ มีนักลงทุนต่างชาติยื่นคําขอรับสิทธิประโยชน์การลงทุนแล้ว 822 โครงการ มูลค่าประมาณ 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และไทยยินดีต้อนรับนักลงทุนจากประเทศต่างๆ เข้ามาร่วมกันสร้างโอกาสและประโยชน์จากอีอีซีต่อไป   ข่าวที่เกี่ยวข้อง สมคิดหาเงินเข้าประเทศ ถกยักษ์การบินจีน ดึงนักท่องเที่ยวเข้าไทย  สมคิดเยือนจีน ลุยดึงหัวเว่ย-ZTE ลงทุนใน EEC