2 สาวจ้างทำข้าวกล่องมอบตัวแล้ว ตร.ฝากขัง

by ThaiQuote, 8 พฤศจิกายน 2561

กรณีมีผู้เสียหายชาว จ.อุตรดิตถ์ ถูกหลอกให้ทำข้าวกล่องและน้ำดื่มส่งให้กับโรงงานแห่งหนึ่งใน จ.พิษณุโลก แต่โรงงานไม่เดินทางมารับของ ทำให้ผู้รับจ้างสูญเงินลงทุนไปเกือบ 1 ล้านบาทนั้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 พ.ย. เวลา 20.10 น. พล.ต.ต.พยูร์ ธนะศรีสืบวงศ์ รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ภ.จว.) เปิดเผยว่า นางกัญจ์หทัย อายุ 41 ปี ชาว อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ และ นางธนิตา อายุ 43 ปี ชาว อ.พิชัย ผู้ว่าจ้างให้ทำข้าวกล่อง ได้เข้ามอบตัวต่อทีมพนักงานสอบสวน ภ.จว.อุตรดิตถ์ที่ทำงานร่วมกับ สภ.พญาแมน อ.พิชัยแล้ว ทั้งนี้พนักงานสอบสวนได้ตั้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกง แต่ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ให้การปฏิเสธเรื่องที่เกิดขึ้น แต่จะให้การในชั้นศาล อย่างไรก็ตามเมื่อผู้ต้องหามามอบตัวก็ต้องปล่อยตัวไป และนัดมาอีกครั้งเพื่อนำตัวส่งศาลเพื่อดำเนินคดีให้เร็วที่สุด เพราะข้อมูลเบื้องต้นทราบว่า นางกัญจ์หทัย มีคดีความที่ยังอยู่ระหว่างการประกันตัวมากถึง 5-6 คดีทั้งในพื้นที่ อ.พิชัย และ จ.พิษณุโลก ทุกคดีล้วนแต่เป็นคดีฉ้อโกงแทบทั้งสิ้น "เมื่อช่วงเช้าเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปไปที่โรงงานใน ต.หัวรอ อ.เมือง จ.พิษณุโลก เพื่อหาข้อมูลกับโรงงานและพบว่า โรงงานมีพนักงาน 4,000 คน ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องจ้างรับเหมาบุคคลภายนอกมาทำอาหารให้กับพนักงาน โรงงานมีศักยภาพเพียงพอที่จะผลิตอาหารให้กับพนักงานของบริษัทได้รับประทาน และปฏิเสธไม่รู้เห็นและไม่เกี่ยวกับผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย อย่างไรก็ตามจากหลักฐานที่พนักงานสอบสวนทั้งบุคคลและหลักฐานการโอนเงินจากผู้เสียหายให้กับผู้ต้องหาถือว่ามีน้ำหนักว่าทั้ง 2 มีเจตนาฉ้อโกงอย่างแน่นอน"พล.ต.ต.พยูร์ กล่าว ทางด้านนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม กล่าวถึงกรณีการโกงข้าวกล่องว่า โดยไม่ได้มีโรงงานจริง เป็นกลอุบายในการหลอกลวงผู้เสียหาย มีการเปลี่ยนสัญญาต่อเนื่อง เช่น ไข่ต้ม 2,000 ชุด ข้าวกล่อง 2 พันขวด น้ำดื่ม 2 พันขวด โดยมีคนชื่ออิ๋วหรือธนิตา เป็นหัวโจก มีการแก้ไขสัญญาหลายครั้ง ซึ่งได้เงินไปถึง 106,000 บาท โรงงานไม่มีจริง สัญญาจงใจให้ทำข้าวกล่องไม่ทันเพราะมีการเปลี่ยนสัญญาหลายครั้ง และได้มีการทำสัญญาขึ้นมาใหม่คือทำข้าว 10,000 กล่อง น้ำ 10,000 ขวด ไข่ต้ม 10,000 ชุด แล้วแยกเป็น 3 สัญญา หากทำไม่สำเร็จก็จะมีโทษปรับเช่นข้าวกล่องรับซื้อกล่องละ 35 บาท แต่หากทำไม่สำเร็จก็จะปรับ 350,000 บาท น้ำ ไข่ต้มก็มีโทษปรับ นายอัจฉริยะกล่าวว่า เมื่อเหยื่อเสียดายเงินก็เลยต้องทำ และมีการส่งมอบกัน แต่ตอนหลังก็มีการประวิงเวลาตอนที่จะมีการส่งมอบ และเหยื่อผลิตไม่ทัน 200 กว่ากล่องจึงเป็นสาเหตุในการบอกเลิกสัญญา และจะยึดเงินมัดจำและเงินค่าปรับ นายอัจฉริยะกล่าวว่า ขณะนี้ได้ตรวจสอบพบว่าว่าคนชื่ออิ๋วได้ก่อคดีฉ้อโกงทรัพย์ในพื้นที่ จังหวัดอุตรดิตถ์มามากกว่า 6 ราย เช่นเรื่องน้ำส้ม มีเหยื่อที่สุราษฎร์ธานีเสียเงินไป 3 ล้านอีกราย ก็ 3 แสน ซึ่งพวกนี้ก็จะมาพบตนด้วย และจากการตรวจสอบนอกจากคดีฉ้อโกงทรัพย์แล้วยังมีคดีครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่ายด้วย ซึ่งศาลชั้นต้นมีพิพากษาจำคุก 1 ปีปรับ 2 แสนบาท และศาลอุทธรณ์นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 12 พ.ย.ที่ศาลจ.อุตรดิตถ์ ล่าสุด พ.ต.ท.สมจิตร จันทร์น้ำท่วม สว.สภ.พญาแมน เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ต้องหาทั้งสองราย คือ นางธนิตา และน.ส.กัญจ์หทัย ยังอยู่ระหว่างนำตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ หลังเจ้าพนักงานสอบสวน สภ.พญาแมน ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง ในการสอบปากคำผู้ต้องทั้ง 2 ราย นอกจากนี้ยังได้ควบคุมตัว น.ส.ธนิตา ไปตรวจค้นบ้านพัก ในตำบลพญาแมน เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม พบว่าไม่มีการทำสัมปทานอาหารกล่องถือว่าผิดสังเกต เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกง แต่ผู้ต้องหายังคงให้การปฏิเสธและอ้างว่าผู้เสียหายผิดสัญญา โดยจะขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น และจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่านางธนิตา มีคดีอื่นๆอีกทั้งหมด 10 คดี ทั้งยักยอกทรัพย์ ปลอมเอกสาร ฉ้อโกงทรัพย์ ครอบครองยาบ้าเพื่อจำหน่าย ตั้งแต่ปี 2546-2559 สำหรับคดียาเสพติด ศาลชั้นต้นพิพากษาตัดสินจำคุก 1 ปี ปรับ 1 แสนบาท ในวันที่ 12 พ.ย.2561 จะต้องไปฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ทั้งนี้ พ.ต.ท.สมจิตร ยังกล่าวต่อว่า หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะรวบรวมหลักฐานให้ครอบคลุมและรวดเร็วที่สุด เพื่อสรุปสำนวนคดีในการส่งฟ้องศาลต่อไป เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาทางศาลจังหวัดอุตรดิตถ์เห็นพ้องด้วยกับคำขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาของพนักงานสอบสวน สภ.พญาแมนไม่อนุญาตให้ นางกัญจ์หทัย สุกใส อายุ 41 ปี และนางธนิตา จันทร์อิ่ม อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงขอประกันตัว เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวเข้าเรือนจำทันที