'บิ๊กตู่'ร่วมพิธีรำลึก 100 ปี ยุติสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่กรุงปารีส

by ThaiQuote, 11 พฤศจิกายน 2561

รายงานข่าวเปิดเผยว่า วันนี้ 11 พ.ย.61 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เดินทางเยือนกรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 11-12 พฤศจิกายน 2561 เพื่อเข้าร่วมพิธีวันรำลึกการครบรอบ100 ปี การยุติสงครามโลกครั้งที่ 1 และพิธีเปิดการประชุม Paris Peace Forum หรือสันติภาพปารีส การเข้าร่วมพิธีครั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้นำหนังสือ 3 เล่ม เตรียมมอบให้ห้องสมุดสันติภาพ ได้แก่ 1. Sufficiency Thinking: Thailand’s gift to an unsustainable world 2. Thailand’s Sustainable Development Sourcebook และ3. A Call to Action: Thailand and The Sustainable Development Goals? ภายในงานมีนายเอมมานูเอล มาครอง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เข้าร่วมเป็นประธานในงานพิธีรำลึกวันครบรอบ 100 ปีของการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่กรุงปารีส โดยพิธีหลักจัดขึ้นที่สุสานทหารนิรนาม ที่ประตูชัยฝรั่งเศสที่กรุงปารีส จากนั้นในช่วงบ่าย นายมาครองพร้อมด้วยผู้นำประเทศท่านอื่น เช่น นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียและนายเรเซพ ตอยยิบ เออร์โดกัน ประธานาธิบดีตุรกี จะเข้าร่วมงานประชุมเพื่อสันติ Paris Peace Forum ร่วมกัน อย่างไรก็ตาม นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ยกเลิกการเดินทางมาร่วมพิธีเนื่องจากสภาพอากาศที่ย่ำแย่ อย่างไรก็ตามประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศสและประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้พบกันที่อีลิเซเมื่อวันที่ 10 พ.ย. ก่อนหน้าพิธีรำลึกครอบรอบการยุติสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยเห็นพ้องถึงความจำเป็นสำหรับยุโรปที่จะต้องแบกรับภาระด้านกลาโหมมากกว่านี้ รายงานข่าวเผยว่า คำว่า “สงคราม” ตามที่ผู้นำโลกได้ระบุถึงนั้นเป็นสงครามทางกายภาพ จัดเป็นอาชญากรรมเพียงอย่างเดียวที่ยกเว้นการพิพากษาโทษ เป็นการฆ่าแบบเป็นระบบป่าเถื่อนของผู้มีกำลังทางอาวุธเพื่อแสดงอำนาจ โดยที่ทั้งสองฝ่ายไม่มีความเคียดแค้นชิงชังต่อกัน ดังนั้น ขึ้นชื่อว่าสงครามแล้วเห็นจะมีประโยชน์อยู่อย่างเดียว คือ “ทำสงครามกับกิเลส” จัดการกับกิเลสภายในตนเอง เริ่มตั้งแต่ความโลภ ความโกรธ ความหลง ภายในใจของตน เราควรหลีกเลี่ยงสาเหตุที่ก่อให้เกิดสงคราม ด้วยการเริ่มจัดการกับสงครามภายในใจของเราเอง ดับสงครามภายใน เพื่อป้องกันสงครามภายนอก แต่มีลักษณะสงครามอีกประเภทหนึ่งคือสงครามหลบในหรือสงครามโลกแบบไร้ตัวตน โดย พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า เคยได้ระบุไว้ว่า สงครามโลกครั้งที่ 3 เกิดแล้วซึ่งมีลักษณะไม่มีจุดเริ่มต้นและสิ้นสุด เป็นสงครามรูปแบบใหม่ไม่ใช้อาวุธ ไม่ใช้กำลัง กระจายไปทั่วโลก เป็น “สงครามไร้ตัวตน นิรนาม”เป็นยุคแห่งการนำศาสนาและวัฒนธรรมมาใช้ในกระบวนการทางจิตวิทยาโดยอาศัยสื่อต่างๆเป็นเครื่องมือ ใครครองสื่อมากจะสามารถคุมได้หมด “Medid Power” ทั้ง Facebook Twitter Online Mobile Phone จึงนับได้ว่าเป็นการต่อสู้กันด้วยสิ่งที่มองไม่เห็น เป็นต่อสู้แบบ Soft Power และ Hard Power และมีการผสมผสานเป็น “Smart Power” ซึ่ง หมายถึงการสนับสนุนด้วยวิธีทางการทูตให้ความคุ้มครองรักษาสันติภาพ ให้ความช่วยเหลือ ฉะนั้นการสงครามอาจจะเป็นแนวทางให้คิดถึงวิธีการที่จะระงับสงครามโดยสันติวิธี มิใช่สงครามเพื่อระงับสงครามแต่ยุคปัจจุบันใช้สื่อโชเซียลในการสร้างความรุนแรงสร้างสงคราม ศาสนาต่างๆ จึงเป็นเครื่องมือหนึ่งในการก่อสงครามศาสนา จึงมีคำกล่าวว่า...“ผู้ที่จะชนะในสงครามครั้งใหญ่นี้ได้จะต้องเป็นผู้ที่เข้าร่วมสงครามด้วย ผู้ที่เป็นคนดูอยู่เฉยๆ จะถือว่าพ่ายแพ้” ขณะเดียวกันประเทศอเมริกาต้องการเป็นผู้นำฝ่ายเดียว ต้องการสร้างเงินสกุลเดียวของโลก และต้องการสร้างศาสนาโลกเดียว แต่พระพุทธทาสกล่าวว่า.... “โลกต้องมีศาสนาครบทุกชนิดมีศาสนาเดียวไม่ได้ แต่ต้องทำความเข้าใจกัน” สิ่งที่น่ากลัวมากคือเวลามีความขัดแย้งมักจะก่อสงคราม ไม่ค่อยจะหาทางประนีประนอม ขณะที่ พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส ผู้อำนวยการหลักสูตรสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) เห็นว่า พลังหรืออำนาจ(Power) นั้นมี 3 ประการ คือ Power Over การใช้พลังเหนือคนอื่นเป็นความรุนแรง หากนำมาใช้จะส่งผลเสียระยะยาวมาก Power with เป็นการใช้พลังร่วมกัน ร่วมทำอะไรบางอย่าง และ Power Wisdom เป็นการใช้พลังปัญญา ซึ่งการใช้อำนาจนั้นต้องมีทั้ง Free และ Faisหรือ Win Winชนะทั้งคู่